หมวดหมู่: ชูก้าไรเดอร์

พันธุ์หนูแฮมสเตอร์ ที่มีอยู่ในปัจจุบันนั้นมีหลากหลายสายพันธุ์ด้วยกัน โดยแฮมสเตอร์นั้นจะจัดอยู่ในวงศ์ย่อย Cricetinae ซึ่งในวงศ์นี้จะมีแฮมสเตอร์อยู่ด้วยกันหลากหลายสายพันธุ์ หลายชนิดด้วยกัน ซึ่งแต่ละสายพันธุ์จะมีทั้งชนิดแคระ และไซส์ทั่วไป รวมไปถึงยังจะมีสีที่เป็นเอกลักษณะเฉพาะของแต่ละสายพันธุ์ ซึ่งจะมีสายพันธุ์ใดที่น่ารัก และน่าสนใจบ้าง เราจะมาแนะนำให้ทุกคนได้ทราบกัน

พันธุ์หนูแฮมสเตอร์ 3 สายพันธุ์ที่ทั้งน่ารัก และได้รับความนิยมสูง

            พันธุ์หนูแฮมสเตอร์ที่นิยมเลี้ยงในทั้งในและในต่างประเทศนั้นมีอยู่หลายสายพันธุ์ด้วยกัน และสำหรับวันนี้เราจะมายกตัวอย่าง 3 พันธุ์หนูที่นิยมเลี้ยง ในไทย และที่สำคัญยังน่ารักไม่เบา โดยมีสายพันธุ์ต่าง ๆ ดังนี้

• ซีเรียนแฮมสเตอร์

ซีเรียนแฮมสเตอร์ หรือ ไจแอนท์แฮมสเตอร์ (Syrian Hamster) เป็นหนูแฮมสเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่ของหนูแฮมสเตอร์ นอกจากนี้ในส่วนลักษณะนิสัยของน้องยังค่อนข้างที่จะเชื่อง และเป็นมิตร ดังนั้นเจ้าของจึงสามารถอุ้ม และกอดน้องได้สบาย ๆ  

• วินเทอร์ไวท์

แฮมสเตอร์ พันธุ์วินเทอร์ไวท์ หรือ Dwarf winter white Russian hamster หนูแฮมสเตอร์แคระ ซึ่งนับว่าเป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ โดยสายพันธุ์จะมีสีหลัก ๆ คือ สีขาว, สีเทาสีน้ำตาล และสีดำ เป็นต้น และลักษณะนะเฉพาะตัวและกลายมาเป็นชื่อของหนูสายพันธุ์นี้เกิดจากการที่เมื่อถึงฤดูหนาว (Winter) แฮมสเตอร์จะทำการผลัดขน และขนของมันจากที่มีสีเข้มก็จะกลายเป็นสีขาวทั้งตัว

• โรโบรอฟากี

หนูแฮมสเตอร์พันธุ์โรโบ หรือ Dwarf Roborovski Hamster หนูแฮมสเตอร์แคระ ที่มีขนาดเล็กที่สุดให้หมู่ของหนูแฮมสเตอร์แคระเลยก็ว่าได้ และด้วยความเล็กของน้องนี่เองก็ทำให้น้องการเป็นตัวจี๊ดสุดแสบที่ทำให้เจ้าของปวดหัวมาแล้วหลายต่อหลายคน เนื่องจากน้องมีความว่องไวเป็นที่หนึ่ง ทำให้กว่าจะจับตัวน้องได้แต่ละทีก็ทำเอาเหนื่อยกันเลยทีเดียว

ราคาของหนูแฮมสเตอร์แต่ละสายพันธุ์ที่มีเงินหลักร้อยก็สามารถซื้อน้องมาเลี้ยงได้แล้ว

            อย่างที่เราได้กล่าวไปในข้างต้นแล้วว่าพันธุ์หนูแฮมสเตอร์ นั้นมีหลายสายพันธุ์ ซึ่ง หนูแฮมเตอร์ แต่ละสายพันธุ์ก็จะมีราคาที่แตกต่างกันออกไป โดยราคาของหนูแฮมสเตอร์สายพันธุ์ต่าง ๆ มีดังนี้

• หนูแฮมเตอร์พันธุ์ไจแอนท์ ราคา จะอยู่ที่ประมาณ 100 – 2,000 บาท
• แฮมสเตอร์พันธุ์วินเทอร์ไวท์ ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 100 – 1,000 บาท
• หนูแฮมสเตอร์พันธุ์โรโบ ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 100 – 1,000 บาท

แฮมสเตอร์เป็นสัตว์ขี้เบื่อ ดังนั้นผู้เลี้ยงควรสังเกตอย่างใกล้ชิด

            สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่เป็นมือใหม่ในการเลี้ยงหนูแฮมสเตอร์ ซึ่งไม่ว่าจะเป็น พันธุ์หนูแฮมสเตอร์ สายพันธุ์ใดก็แล้วแต่ จะมีลักษณะนิสัยพื้นฐานคือ เป็นสัตว์ที่ค่อนข้างเบื่อง่าย และเมื่อน้องเบื่อ หรือเริ่มเครียด น้องก็เริ่มที่จะกัดกรง ซึ่งเราแนะนำให้ลองเปลี่ยนตำแหน่งการวางกรงของน้องรวมไปถึงอาจจะมีการหาของเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้น้องได้เล่นเพื่อแก้เบื่อ แต่สำหรับใครที่เป็นกังวลไม่อยากให้น้องมีความเครียดหนัก และเกิดอาการอื่น ๆ ตามมา เราแนะนำให้พาน้องไปพบแพทย์ และปรึกษาแพทย์จะดีที่สุด

สนับสนุนโดย https://slot-allbet.com/ แหล่งรวม pg slot หรือ พีจีสล็อต https://slot-allbet.com/pg-slot-or-pg-slot/

เลี้ยงชูการ์ไกลเดอร์ หนึ่งในสัตว์ที่คนไทยนิยมเลี้ยงเป็นจำนวนมาก เนื่องจากชูการ์เป็นสัตว์ที่มีทั้งความน่ารัก เป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งยังเป็นสัตว์เอ็กโซติกที่ราคาไม่สูง และหาซื้อได้ค่อนข้างง่าย โดยสัตว์ชนิดนี้จะมีความพิเศษ และความน่าสนใจอย่างไรบ้าง วันนี้เรามีข้อมูลต่าง ๆ มาให้กับทุกคนแล้ว

เลี้ยงชูการ์ไกลเดอร์ เจ้านักล่าตัวน้อยในรัตติกาล

ลักษณะทั่วไปของชูการ์ไกลเดอร์

          สำหรับลักษณะของ ชูการ์ไกรเดอร์ หรือ จิงโจ้ร่อน นั้นจะมีลักษณะคล้ายกระรอกตัวเล็ก ๆ ขนาดไม่เกิน 200 กรัม ความยามของลำตัวตั้งแต่ปลายจมูกไปจนถึงปลายหางจะมีขนาดไม่เกิน 50 เซนติเมตร ขนหนา แต่อ่อนนุ่มทั้งตัว และจะมีสีหลัก ๆ ได้แก่ สีเทา, สีขาว และ สีตาล แต่จะมีเฉดสีที่แตกต่างกันออกไป นอกจากนี้ยังมีถุงหน้าท้อง และบางสายพันธุ์จะมีตาสีแดงอย่างเห็นได้ชัด

ลักษณะนิสัยของการ์ไกลเดอร์

          สัตว์ชนิดนี้จะออกหากินในตอนกลางคืน และจะพักผ่อนในตอนเวลากลางวัน อีกทั้งยังมีนิสัยน่ารัก รักความสะอาด เข้ากับคนได้ค่อนข้างดี และชอบเข้าสังคม ดังนั้นจึงควรหาเพื่อนให้กับน้องจะดีเป็นอย่างยิ่ง

ค่าตัวและฟาร์มเพาะเลี้ยงชูการ์ไกลเดอร์ที่อยากแนะนำ

            หากอยากเลี้ยงเลี้ยงชูการ์ไกลเดอร์ มีที่จัดจำหน่ายในท้องตลาดนั้นมีราคาที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ดังนั้น ชูก้าไกรเดอร์ ราคา จึงมีตั้งแต่หลัก 800 บาท ไปจนถึง 50,000 บาทเลยทีเดียว และสำหรับฟาร์มเพาะเลี้ยง และร้านขายน้องก็มีอยู่หลายร้านด้วยกัน ซึ่งเราอยากนำ 3 ร้านดังนี้

• Porsche Exotic Zoo

ร้านนำเข้า และส่งออกเอ็กโซติก เพ็ด บน Instagram โดยความพิเศษของทางร้านคือเราสามารถรีเควสได้เลยว่าอยากได้น้องที่มีลักษณะแบบไหนก็สามารถรีเควสไปยังทางร้านได้เลย

• Joy Sugarrainbow

ฟาร์มชูการ์ไกลเดอร์ที่เพาะเลี้ยงและจำหน่ายชูการ์ไกลเดอร์บน Instagram และ Facebook โดยน้อง ๆ จากทางฟาร์มนอกจากจะมีความน่ารัก และหลากหลายสีแล้ว ตัวชูก้า ราคา ยังไม่สูงจนเกินไปอีกด้วย

• ชูก้าร์ไกลเดอร์ Mos Exotic Pet

ร้านขายชูการ์ไกลเดอร์ และสัตว์เอ็กโซติกอีกหลากหลายชนิดบน Facebook โดยทางร้านจะมีบริการส่งทั่วประเทศโดยคิดค่าส่งแตกต่างกันไปตามแต่ละภาค นอกจากนี้ทางร้านยังจะเปิดขายพ่อ แม่พันธุ์เป็นรอบ ๆ สำหรับใครที่อยากได้ต้องรอติดตามทางน่าเพจของทางร้านได้เลย

(บทสรุป)

            สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่อยาก เลี้ยงชูการ์ไกลเดอร์ เราแนะนำให้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องสุภาพของน้อย เช่นเรื่องการฉีดวัคซีน ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งในสัตว์เลี้ยงหลาย ๆ ชนิด ชูการ์ไกลเดอร์ก็เช่นกัน ดังนั้นเราจึงแนะนำสำหรับใครที่รับน้องมาเลี้ยงใหม่ ๆ ให้นำน้องไปหาหมอเพื่อตรวจเช็คสุขภาพรวมไปถึงการฉีดวัคซีน เป็นต้น

หนูตะเภา หรือหนูแกสบี้หนึ่งในสัตว์เลี้ยงเอ็กโซติก ที่คนนิยมเลี้ยงเป็นอันดับต้น ๆ เนื่องจากหนูตะเภา เป็นสัตว์ที่น่ารัก ขนาดตัวไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป เมื่อเทียบกับสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น ๆ อีกทั้งยังมีขบวนการในการดูแล หรือเลี้ยงที่ค่อนข้างง่าย ไม่ซับซ้อนจนเกิดไป ดังนั้นหลาย ๆ คนที่เป็นมือใหม่ในการเลี้ยงสัตว์จึงค่อนข้างที่จะนิยมเลือกเลี้ยงสัตว์ชนิดนี้ และในวันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ทุกคนไปทำความรู้จักกับเจ้าหนูน่ารักตัวนี้ ซึ่งจะมีข้อมูลต่าง ๆ ที่น่าสนใจขนาดไหน เราไปดูพร้อมกันเลย

ประวัติ หนูตะเภา เจ้าหนูสุดน่ารัก ที่หลายคนนิยมเลี้ยง

หนูตะเภาเป็นหนูที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน แต่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบ โดยสัตว์ชนิดนี้นอกจากจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่หลาย ๆ คนต่างหลงใหลในความน่ารักของพวกมันแล้ว ปัจจุบันหนูชนิดนี้ยังเป็นหนึ่งในสัตว์ทดลอง อีกด้วย (น่าสงสารน้องมาก ToT) โดยหนูตะเภา มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “หนูแกสบี้” ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศเปรู ทวีปอเมริกาใต้ เมื่อหลายพันปีก่อน ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในอาหารของคนชนเผาในยุคนั้น คล้าย ๆ กับการรับประทานหนูนาของคนในท้องถิ่นของประเทศไทยเรา และหลังจากนั้นสัตว์ชนิดนี้ก็ถูกนำไปยังยุโรป จนทำให้กลายเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายจนถึงปัจจุบัน

ลักษณะนิสัยและวิธีการเลี้ยงของหนูตะเภา

นอกจากนี้ในส่วนของวิธีการเลี้ยง ลักษณะนิสัย หรือคำถามที่มักจะพบได้บ่อยคือ หนูตะเภากินอะไร หรือหนูตะเภา กินอะไรได้บ้าง โดยในส่วนของวิธีการเลี้ยง ควรเลือกบริเวณสำหรับการวางกรงให้เหมาะสม โดนควรเลือกพื้นที่ที่มีความโปร่ง อุณหภูมิไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป และที่สำคัญแกสบี้เป็นสัตว์ที่รักความสะอาดดังนั้นต้องหมั่นทำความสะอาดกรงของมันอยู่เสมอ ต่อมาคือในส่วนของ ลักษณะนิสัยของหนูตะเภา หนูตะเภาเป็นสัตว์ที่ไม่ชอบเสียงดัง การโดนคนจับก้นของมัน หรือการที่มีเล็บยาว ๆ ดังนั้นผู้เลี้ยงจึงควรให้ความสำคัญในจุดนี้เป็นอย่างยิ่ง

อาหารที่เจ้าหนูตะเภาโปรดปราน

สุดท้ายคือในส่วนของอาหาร หญ้าแห้ง และผักหลายชนิดคืออาหารรสเลิศ และดีต่อสุขภาพของหนูตะเภา เช่น ผักชี, แครอท, มะเขือเทศ, แตงกวา, ข้าวโพด, กะหล่ำปลี, บรอกโคลีสด, ผักขม และฝักถั่วในปริมาณเล็กน้อยก็สามารถให้สารอาหารที่ดีต่อหนูตะเภาของคุณแล้ว

แต่ก็มีผักและผลไม้อีกหลายชนิดที่นับว่าเป็นอาหารต้องห้ามสำหรับหนูตะเภาเช่นเดียวกัน หลัก ๆ แล้วจะเป็นอาหารที่มีน้ำตาลเป็นจำนวนมาก รวมถึงขนมสำหรับหนูตะเภาด้วยเช่นกัน โดยผักและผลไม้ต้องห้าม หรือควรให้ในปริมาณที่ควบคุมได้ เช่น ผักกาดแก้ว, ผักร็อคเก็ตสลัด, ผักใบสีแดง, กะหล่ำดอก, หัวบีทรูท, มันฝรั่ง และหัวไชเท้า เป็นต้น

ราคา และแหล่งขายหนูตะเภา ในเมืองไทย

ในส่วนของราคาของหนูตะเภา โดย หนูตะเภา ราคา มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่นต้น ๆ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับคุณภาพของสายพันธุ์ และฟาร์มที่เพาะเลี้ยง โดย ฟาร์มหนูตะเภา ที่เราอยากแนะนำนั้นมีหลายฟาร์มด้วยกัน เช่น Guineapig World Farm, หนูแกสบี้ AMP Cavy Pattaya และจิรายุฟาร์มเหนือคลอง กระบี่ ใกล้ที่ไหนลองเข้าไปสอบถามข้อมูลกันก่อนได้เลย

หากพูดถึงสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในสกุลเดียวกับหนู และคนนิยมเลี้ยงเป็นอันดับต้น ๆ คงไม่พูดถึง ชินชิล่า เป็นไม่ได้ เนื่องจากชินชิล่านับว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความน่ารัก มีขนนุ่ม หาซื้อได้ง่าย อีกทั้งยังนับว่าเป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงจำพวกเอ็กโซติกเพ็ดที่เลี้ยงและดูแลค่อนข้างง่าย ไม่ยุ่งยาก ซึ่งในวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเจ้าชินชิล่าตัวนี้ให้มากขึ้น ซึ่งจะมีความข้อมูลที่น่าสนใจขนาดไหน เราไปดูพร้อมกันเลย

ข้อมูลที่น่าสนใจของ ชินชิล่า ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้

ชินชิล่าหนึ่งในสัตว์เลี้ยงที่มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศชิลี เปรู และโบริเวีย ทวีปอเมริกาใต้ เช่นเดียวกับหนูตะเภาที่มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาใต้ โดยพื้นที่อยู่อาศัยของพวกมันจะอยู่บริเวณเทือกเขาแอนดีสซึ่งจะมีอุณหภูมิที่ค่อนข้างหนาวจัด จึงทำให้ชินชิล่ามีลักษณะขนที่นุ่มฟู และหนาเป็นพิเศษ ต่อมาชินชิล่าถูกนำเข้ามายังยุโรป ดินแดนที่คนนิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยง จนทำให้มันได้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย และเกือบสูญพันธุ์จากการล่าของมนุษย์ แต่ในปี ค.ศ.1922 มัทธีอัส เอฟ. แชปแมน ได้เป็นผู้ริเริ่มที่จะเพาะเลี้ยงชินชิล่าเพื่อที่จะอนุรักษ์สายพันธุ์ของมัน และก็ทำสำเร็จในที่สุด

ลักษณะนิสัยของเจ้าชินชิล่า

นอกจากนี้ในส่วนของลักษณะนิสัย และอาหารของชินชิล่า โดนส่วนใหญ่แล้ว หนูชินชิล่า นิสัย จะค่อนข้างน่ารัก ไม่กัด มีความกระตือรือร้น ขี้สงสัย ชอบสำรวจ ชอบกัดแทะ ดังนั้นผู้เลี้ยงจึงควรเลี้ยงมันในกรงเนื่องจากอาจจะทำให้ข้าวของในบ้านเสียหายได้ และที่สำคัญไม่ดุร้ายเว้นแต่จะมีความโกรธ หรือผิดกลิ่นของคนแปลกหน้าหรือสัตว์อื่นเข้าใกล้

อาหารที่ควรให้

ต่อมาในส่วนของอาหาร สำหรับใครที่สงสัยว่า หนูชินชิล่า กินอะไร เราต้องขอบอกเรื่องของอาหารชินชิล่าไม่ได้เป็นเรื่องที่น่ากังวลสักเท่าไร เนื่องจากสัตว์ชนิดนี้กินค่อนข้างง่าย และหาซื้อได้ง่ายเช่นกัน โดยอาหารของพวกมันจะเน้นไปที่หญ้าแห้ง เช่น หญ้าธิโมที, หญ้าอัลฟาฟ่า, หญ้าเฮย์, หญ้าออร์ชาร์ด, ต้นข้าวสาลี และหญ้าโบตานิคอล หรือจะเป็นอาหารจำพวกผลไม้ และผักอบแห้ง รวมไปถึงอัลมอนด์ และลูกเกดที่ไม่ผ่านการปรุงรส เป็นต้น

ราคา และฟาร์มเพาะเลี้ยงชินชิล่า ในเมืองไทย

สำหรับใครที่สนใจอยากเลี้ยง ชินชิล่า และอยากลองหาซื้อมาเลี้ยง แต่ยังไม่ทราบข้อมูลในส่วนของราคา และฟาร์ม วันนี้เราได้ค้นหาข้อมูลเหล่านั้นมาให้กับทุกคนที่สนใจแล้ว โดยในส่วนของราคา ชินชิล่าราคา มีตั้งแต่หลักพัน ไปจนถึงหลักหมื่น โดยส่วนใหญ่จะพบเห็นได้ในราคาราว ๆ 6,000 – 18,000 บาท หรืออาจจะสูงกว่านั้นต่อมาคือในส่วนของ ฟาร์มชินชิล่าหาได้ไม่อยากนัก แต่เราคัดมาแนะนำให้กับเพื่อน ๆ ทั้งหมด 2 แห่งด้วยกัน ได้แก่ Fairychin พุทธมณทล สาย 2 และ KB Rabbit And Chinchilla สวนจตุจักร ซึ่งหากเพื่อน ๆ สะดวกเดินทางไปที่ไหน ก็สามารถเข้าไปติดต่อสอบถามกับทางร้านได้เลย

กระต่าย นับว่าเป็นสัตว์เลี้ยงอีกหนึ่งชนิด ที่มีหลายสายพันธุ์ให้เลือกเลี้ยง และแต่ละสายพันธุ์มีทั้งความน่ารัก ขนนุ่ม และที่สำคัญเลี้ยงค่อนข้างง่าย โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยในคอนโดฯ หรือบ้านที่มีพื้นที่จำกัด แต่อยากเลี้ยงสัตว์เลี้ยงน่ารัก ๆ สักตัว นอกจากแมว หนู และปลาสวยงามแล้ว กระต่ายก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่หลาย ๆ คนเลือกเลี้ยงเป็นอันดับต้น ๆ และในวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเจ้ากระต่ายสุดแสนน่ารักมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีข้อมูลที่น่าสนใจอะไรบ้าง เราไปดูพร้อมกันเลย

ข้อมูลของ กระต่าย ทั้งน่าสนใจ และเป็นประโยชน์ต่อคนเลี้ยงกระต่าย

หากพูดถึง กระต่าย หลายคนคงต้องนึกถึงสัตว์ที่มีความขี้โกง และเจ้าเล่ห์ เนื่องจากในการ์ตูนชื่อดังหลาย ๆ เรื่องมักจะมีตัวเอกเป็นกระต่ายที่มีคาแรคเตอร์ที่ขี้โกง เจ้าเล่ห์ และเอาเปรียบผู้อื่น แต่เราเชื่อว่า หากทุกคนได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับกระต่ายที่เราได้รวบรวมมาวันนี้แล้วจะต้องหลงรักเจ้ากระต่ายขนปุยมากขึ้นอย่างแน่นอน

โดยข้อมูลที่เราจะนำมาฝากทุกคนในวันนี้จะมีต้องแต่ ประวัติ, สายพันธุ์, อาหาร, ราคา และฟาร์มเพาะเลี้ยงกระต่ายที่ได้มาตรฐานในไทย ซึ่งมีข้อมูลต่าง ๆ ดังนี้

ประวัติของกระต่าย

ในอดีตกระต่ายนับว่าเป็นหนึ่งในสัตว์ป่าที่คนนิยมล่าเป็นอาหาร ทั้งในแถบเอเชีย และตะวันตก อีกทั้งการล่ากระต่ายยังนับว่าเป็นหนึ่งในกีฬาของชาวยุโรป และในปี ค.ศ. 1927 วอลต์ ดิสนีย์ ได้สร้างตัวละครการ์ตูนกระต่ายตัวแรกของโลก โดยมีชื่อว่า “ออสวอลด์” จากภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง Oswald the Lucky Rabbit และตำนาน หรือนิทานพื้นบ้านของหลาย ๆ ประเทศมักจะมีเรื่องราวเกี่ยวกับกระต่าย จึงทำให้มนุษย์เรารู้สึกใกล้ชิดกับกระต่ายมากยิ่งขึ้น จนทำให้ในปัจจุบันกระต่ายได้กลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงสุดน่ารักของมนุษย์นั่นเอง

สายพันธุ์ที่น่าเลี้ยง

อย่างที่หลาย ๆ คนน่าจะทราบกันดีว่า กระต่ายนั้นมีหลายสายพันธุ์ ดังนั้นเราจึงขอแนะนำ 5 สายพันธุ์กระต่ายน่าเลี้ยง เพื่อเป็นแนวทางให้ทุกคนที่อยากเลี้ยงกระต่ายได้ใช้เป็นแนวทาง

มินิลอป (Mini Lop) เจ้ากระต่ายตัวเล็ก น้ำหนักประมาณ 2 – 3 กิโลกรัม ขนปุกปุย หูยาวตกถึงพื้น น่ารัก แต่ไม่ซุกซน

ฟลอริดาไวท์ (Florida White) กระต่ายลักษณะ ลำตัวอยู่ในขนาดกลาง ขนสั้น หูยาวตั้งสูง เอกลักษณ์ที่โดดเด่นคือมีสีขาวทั้งตัว

เฟลมมิชไจแอนท์ (Flemish Giant) เจ้ากระต่ายยักษ์ สุดน่ารักและมีเอกลักษณ์สุด ๆ โดยลำตัวโตเต็มวัยจะมีขนาดใหญ่กว่าน้องหมาชิวาวาตัวอ้วน 1 ตัวเสียอีก

ดัตช์ (Dutch) กระต่ายพันธุ์ นี้เป็นสายพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์ โดยดัตช์เป็นกระต่ายที่มีลำตัวขนาดกลาง และมีจุดสังเกตที่นับว่าเป็นเอกลักษณ์เป็นที่สุดนั่นก็คือ ใบหน้าที่เหมือนสวมหน้ากากตลอดเวลา อีกทั้งยังมีนิสัยที่ขี้เล่น และน่ารักสุด ๆ

เจอร์ซี วูลลี (Jersey Wooly) กระต่ายขนฟู หน้าสั้นที่มีลำตัวขนาดเล็ก นิสัยเรียบร้อยแต่ฉลาด เหมาะกับการเลี้ยงในพื้นที่ที่จำกัด

อาหารของกระต่าย

มาถึงในส่วนของอาหารที่กระต่ายสามารถกินได้ หรือที่หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่า กระต่าย กินอะไร วันนี้เราได้หาคำตอบมาให้ทุกคนแล้ว โดยอาหารที่กระต่ายสามารถกินได้ส่วนใหญ่จะเป็นพืชผัก และผลไม้ชนิดต่าง ๆ ซึ่งผู้เลี้ยงอาจจะให้อาหารกระต่ายที่เป็นอาหารสำเร็จรูปที่ซื้อตามร้าน Pet Shop เป็นอาหารหลัก และให้ผักผลไม้เป็นอาหารเสริมก็ได้เช่นกัน โดยพืชผักที่อยากแนะนำได้แก่ ผักกาดโรเมน, บรอกโคลี, แครอท, ผักชี, ผักขม ผักขึ้นฉ่าย และผลไม้ชนิดต่าง ๆ เป็นต้น ส่วนอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงเป็นที่สุดได้แก่อาหารจำพวกถั่ว และช็อกโกแลต เป็นต้น

ราคา และฟาร์มเพาะเลี้ยง กระต่าย ที่อยากแนะนำให้กับทุกคน

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากเลี้ยง กระต่าย แต่ไม่ทราบของมูลในส่วนของราคา และฟาร์มที่ได้มาตรฐาน วันนี้เราได้ค้นหาข้อมูลเหล่านั้นมาให้กับทุกคนแล้ว โดยมีข้อมูลทั้งหมดดังนี้

ราคาของกระต่าย

เกณฑ์ราคาของกระต่ายแต่ละสายพันธุ์จะมีความแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัย โดยส่วนใหญ่สามารถพบเห็นได้ตั้งแต่ราคาหลักร้อย ไปจนถึงหลักหลายหมื่น เช่น กระต่ายแคระ จากบางฟาร์มสามารถมีราคาสูงถึง 30,000 บาทเลยทีเดียว

ฟาร์มกระต่าย

สำหรับฟาร์มกระต่ายในไทยนั้นมีอยู่หลายฟาร์มด้วยกัน อีกทั้งบางฟาร์มยังมีกระต่ายให้เลือกหลายสายพันธุ์อีกด้วย ซึ่ง กระต่ายน่ารัก ที่คุณกำลังตามหาอาจจะอยู่ในฟาร์มเหล่านี้ก็ได้

1. Facebook: บังฮับฟาร์มกระต่าย จำหน่ายกระต่ายทุกสายพันธุ์บังฮับฟาร์มกระต่ายชื่อดังในจังหวัดเพชรบุรี ที่มีกระต่ายให้เลือกหลายสายพันธุ์ อีกทั้งยังมีประสบการณ์การเพาะเลี้ยงกระต่ายมามากกว่า 30 ปี โดยกระต่ายจากฟาร์มนี้มีราคาตั้งแต่หลักร้อย ถึงหลักพันบาทเท่านั้น
2. Facebook: Farmrak ฟาร์มรัก ฟาร์มกระต่ายฮอลแลนด์ลอป ฟาร์มกระต่ายในซอยสุขสวัสดิ์ 30 กรุงเทพมหานคร ที่มีกระต่ายให้เลือกหลายสายพันธุ์ อีกทั้งยังมีบริการส่งทั่วประเทศ แต่หากเป็นเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล สามารถส่งทางแกร็บได้อีกด้วย โดยราคากระต่ายของฟาร์มนี้อยู่ที่หลักพันเท่านั้น
3. Facebook: Boonchu Rabbit Farm ฟาร์มกระต่ายนครปฐม ฟาร์มกระต่ายในจังหวัดนครปฐม ที่มีกระต่ายให้เลือกหลากหลายสายพันธุ์ โดยราคาของกระต่ายจากฟาร์มจะมีต้องแต่หลักร้อย ไปจนถึงหลักพัน อีกทั้งยังมีบริการส่งทั่วประเทศอีกด้วย

ใครที่อยากลองเลี้ยงชูก้าไรเดอร์เชิญมาทางนี้เลยค่ะ เพราะวันนี้เราจะมาแนะนำ 4 ร้านขายชูก้าไรเดอร์ในชลบุรี เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับเพื่อนๆในการเลือกซื้อชูก้า เพราะทราบกันดีว่าร้านขายสัตว์เป็นร้านที่หายากมากๆ แล้วการที่เราจะเลือกซื้อเราต้องมั่นใจว่าร้านนั่นจะขายน้องๆที่สุขภาพแข็งแรงไม่มีโรคให้กับเรา คือร้านที่เราจะเลือกซื้อชูก้าไรเดอร์จะต้องมีมาตราฐานทั้งเรื่องความสะอาดและปลอดภัย เราจึงหาร้านขายชูก้าไรเดอร์มาเป็นช้อยให้เพื่อนๆได้เลือกซื้อกัน

แนะนำ 4 ร้านขายชูก้าไรเดอร์ในชลบุรี

ร้าน ชูก้าไรเดอร์ นกแก้วฟอพัส

มาดูร้านขายชูก้าไรเดอร์ในชลบุรีร้านแรกกันเลย เพราะร้านชูก้าไกรเดอร์ นกแก้วฟอพัส บางแสน ร้านนี้เหมาะสำหรับคนที่เริ่มต้นเลี้ยงชูก้าไรเดอร์มากๆเลย เพราะนอกจากทางร้านจะมีสีและพันธุ์ชูก้าให้เลือกที่หลากหลาย ทั้งนอมอล ไวท์เฟส โมซาอิ ลูซิติก ไวท์โม โมแพท ทรูแพท ยังมีชุดเซ็ทอุปกรณ์เลี้ยงชูก้าในราคาน่ารักมากๆ ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีมากสำหรับมือใหม่ที่อยากเลี้ยงชูก้า สินค้าของภานในร้านก็มีมากมายให้เลือกซื้อ ลายน่ารักปุ๊กปิ๊ก ของก็เยอะจนลายตาแทบจะเป็นตลาดชูก้าได้เลย

เพจ facebook : ชูก้าไกร์เดอร์ นกฟอพัส ชลบุรี บางแสน

Line : ohbuu2532

โทรศัพท์ : 0864643472

พิกัดร้าน : https://maps.app.goo.gl/zMA9oQqCsBCYL3GZ7

ร้านขายชูก้าไกลเดอร์อาหารและอุปกรณ์ By Mvsugazoo

ต่อมาร้านที่สอง เรามาดูกันที่ร้านขายชูก้าไกลเดอร์อาหารและอุปกรณ์ By Mvsugazoo ร้านนี้มีให้บริการครบวงจรเลย เป็นทั้งร้านขายชูก้าไกรเดอร์ ขายอาหารพร้อมอุปกรณ์เสริมน่ารักๆที่สามารถสั่งซื้อผ่านเพจ facebook Shopee Lazada พร้อมโปรโมชั่นจัดส่งฟรีทั่วประเทศ​ ที่มีบริการให้คำแนะนำก่อนตัดสินใจซื้อ และให้คำแนะนำหลังการขายอีกด้วย

เพจ Facebook : ขายชูก้าไกลเดอร์อาหารและอุปกรณ์ By Mvsugazoo

เบอร์โทรศัพท์ : 097 248 6510

Line : MVSUGAZOO

อีเมล : taguchimay@hotmail.com

ชูก้าไกรเดอร์ Sugar Glider ชลบุรี พนัสนิคม

ร้านชูก้าไกรเดอร์ Sugar Glider ชลบุรี พนัสนิคม กันก่อนเลย ต้องบอกก่อนว่าร้านนี้ไม่มีบริการหน้าร้านอย่างเป็นทางการนะคะ จะอัพเดตข้อมูลผผ่านเพจ facebook เป็นหลัก แต่มั่นใจได้ในความสะอาด และปลอดภัยเลยค่ะ เพราะเจ้าของร้านดูแลน้องๆอย่างดีเลย ใครที่สนใจอยากซื้อชูก้ามาเลี้ยงสามารถเข้าไปดูน้องๆได้ที่บ้านเลย หรือตกลงซื้อน้องแล้วมีบริการนัดรับด้วยนะ

เพจ facebook : ชูก้าไกรเดอร์ Sugar Glider ชลบุรี พนัสนิคม

Line : anjulybee

โทรศัพท์ : 0929421195

พิกัดร้าน : จังหวัดชลบุรี อ.พนัสนิคม ห้าแยกวัดพลับ

ร้านชูการ์ไกลเดอร์ TD Sugar Farm

ร้านชูก้าร์ไกลเดอร์ TD Sugar Farm ให้บริการด้านชูก้าไกลเดอร์โดยเฉพาะ ที่การันตีความเชื่องของชูก้า รับประกันสุขภาพของชูก้าไรเดอร์ว่าแข็งแรง เชื่อง ไม่ฉก ไม่กัด พร้อมให้คำแนะนะก่อนและหลังซื้ออีกด้วย ร้านนี้ไม่มีหน้าร้านน้าแต่มีบริการส่งทั่วประเทศไทย แต่รับรอบคุณภาพของชูก้าไรเดอร์ด้วยยอดผู้ติดตามบนเพจ facebook ที่เป็นยอดนิยม

เพจ facebook : ชูก้าร์ไกลเดอร์ TD Sugar Farm

โทรศัพท์ : 087 611 1499

Line : domefeel26

อีเมล : domefeel26@gmail.com

ทั้งหมดนี้เป็นร้านขายชูก้าไรเดอร์ในชลบุรี ที่ถูกคัดสรรในเรื่องความสะอาด และคุณภาพของชูก้าไรเดอร์ หวังว่าร้านที่ทางเรานำมาแนะนำเพื่อนๆจะช่วยตัดสินใจหรือเป็นแนวทางเลือกในการเลือกบ้านชูก้าไรเดอร์ที่ดีให้น้องๆได้นะคะ

เชื่อว่าหลายๆคนที่ตัดสินใจเลือกเลี้ยง ชูก้าไรเดอร์ เพราะอันดับแรกเลยเป็นสัตว์ที่ตัวเล็กและมีความน่ารักแต่หลายๆท่านอาจจะยังไม่รู้จักวิธีการเลี้ยงหรือการดูแลที่ถูกต้องมากนัก จนทำให้บางทีอาจจะทำให้ชูก้าไรเดอร์ที่เลี้ยงไว้นั้นป่วยได้ ซึ่งในปัจจุบันมี คลินิกรักษาชูก้าไรเดอร์ ในชลบุรีรวมถึงในจังหวัดอื่นด้วยเพื่อดูแลสัตว์เลี้ยงของท่าน ดังนั้นเราต้องศึกษาวิธีการดูแลให้ถี่ถ้วนก่อนที่จะนำชูก้าไรเดอร์มาเลี้ยง โดยข้อห้ามที่ต้องรู้หลักๆเลย คือ ห้ามให้ชูก้าไรเดอร์ กินของที่หวานจัดหรืออาหารที่มีไขมันสูง นิสัยโดยปกติของมันแล้วชอบทานของหวาน ดังนั้นเจ้าของห้ามตามใจจนเกินไปอาจจะทำให้ป่วยได้ และห้ามนำอารหารสัตว์อื่นให้ชูก้าไรเดอร์รับประทานโดยเด็ดขาด สุดท้ายหมั่นทำความสะอาดที่อยู่ของมันเป็นประจำ อาหารที่กินเหลือควรเก็บออกมาทิ้งทุกครั้ง

บอกต่อ  คลินิกรักษาชูก้าไรเดอร์ ในชลบุรี รักษาได้ทุกโรค และเดินทางมาสะดวก

          หากท่านใดที่อยู่แถวชลบุรีหรือละแวกใกล้เคียงที่เลี้ยงชูก้าไรเดอร์ แล้วกำลังมองหาคลินิกรักษาชูก้าไรเดอร์ในชลบุรี เพื่อไว้เป็นตัวเลือกในการนำสัตว์เลี้ยงของท่านมาเข้ารับการรักษาเมื่อเวลาสัตว์เลี้ยงเกิดมีอาการป่วยหรือบาดเจ็บ
วันนี้เราจะมาบอกต่อคลินิกรักษาชูก้าไรเดอร์ในชลบุรี อย่างโรงพยาบาลสัตว์อุ้มรัก อ่างศิลา ชลบุรี หรือที่คนแถวนั้นเรียกกันว่า
ร้านอุ้มรักชลบุรี นอกจากจะรักษาชูก้าไรเดอร์แล้วทางร้านอุ้มรกชลบุรียังรักษาสัตว์อื่นๆอีกด้วย แถมยังมีบริการที่น่าสนใจต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบริการอาบน้ำ-ตัดขน บริการฝังไมโครชิฟสัตว์เลี้ยงด้วยไมโครชิฟมาตรฐาน และบริการดูแลสัตว์ป่วย ฝากเลี้ยง ในส่วนของการรักษานั้นก็รองรับต่อสัตว์ทุกชนิดเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็กหรือสัตว์ใหญ่ เช่น คลินิกสัตว์ขนาดเล็กและสัตว์ชนิดพิเศษอย่าง กระต่าย ชูก้าไรเดอร์ หรือสัตว์เลี้ยงพิเศษก็อุ่นใจได้ และยังมีคลินิกเนื้องอกและมะเร็ง ตรวจหาเนื้องอกและมะเร็ง บริการผ่าตัดเนื้องอก รวมถึงการทำเคมีบำบัด เป็นอีกหนึ่งคลินิกชูก้าไรเดอร์ที่ไว้รักษาชูก้าไรเดอร์เมื่อมีอาการเจ็บหรือป่วย 

พิกัดการเดินทางมายัง ร้านอุ้มรักชลบุรี

ดังนั้นร้านอุ้มรักชลบุรีถือได้ว่าเป็นคลินิกรักษาชูก้าไรเดอร์ในชลบุรีที่มีบริการที่รองรับต่อความต้องการของทั้งเจ้าของและสัตว์เลี้ยงได้อย่างครบถ้วนเลยทีเดียว โดยโรงพยาบาลสัตว์อุ้มรัก เปิดให้บริการ 2 สาขาด้วยกัน คือ สาขาอ่างศิลาและสาขาศุขประยูร ซึ่งเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมงเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าทุกท่าน ช่องทางการติดต่อ
โทรศัพท์ 038-142-117,090-120-1117 โดยร้านอุ้มรักชลบุรีนั้นอยู่ไม่ไกลจาก โรงพยาบาลเอกชน 2 เท่าไหร่ แต่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม ที่อยู่ 90/380-381 หมู่ 3 ถนนอ่างศิลา อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี

ชูการไรเดอร์นั้นเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ต้องการสารอาหารที่ครบถ้วนเพื่อเป็นประโยชน์ในการเจริญเติบโตของมัน ฉะนั้นการให้ อาหารของชูก้าไรเดอร์ นั้นผู้เลี้ยงควรที่จะศึกษาข้อมูลการให้อาหารของมันให้ถูกต้องเพื่องที่มันนั้นจะได้เติบโตอย่างสมบูรณ์และอยู่กับคนเลี้ยงได้นานๆ

ชี้แนะ อาหารของชูก้าไรเดอร์ ในแต่ละวัยนั้นควรให้อย่างไร

อาหารของชูก้าไรเดอร์ ในช่วงวัยแรกเกิด ถึง 4 เดือน น้องควรจะได้กินนมแม่ แต่ในกรณีที่เรานำน้องมาเลี้ยงด้วยตัวเองตั้งแต่ช่วงวัยนี้ วิธีเลี้ยงชูก้าไรเดอร์ 2 เดือน เราจำเป็นที่จะต้องให้นมอื่นทดแทนนมแม่ เช่น นมชูก้าร์ นมแพะ นมแมว ยกเว้นนมวัวที่ให้ไม่ได้เพราะย่อยไม่ได้ หากซื้อแนะนำเป็นนมยี่ห้อเคเอ็มอาร์ เอสบีแล็ก รอยัลคาร์นิน สลิกกี้ โคโคแคท หรือพอสซั่มมิลล์

โดยจะต้องป้อนนมวันละ 3 – 4 มื้อ หรือภายใน 1 วัน ควรป้อนทุกๆ 2 – 3 ชั่วโมง ซึ่งแต่ละครั้งไม่ต้องให้น้องกินจนแน่นท้องจนเกินไป ควรเน้นให้นมในเวลากลางคืนตามธรรมชาติของน้องเขาจะกินในเวลากลางคืนและนอนกลางวัน อาจใช้สลิ่งในการป้อนนม

เมื่อน้องอาหารของชูก้าไรเดอร์ ที่มีอายุมากกว่า 4 เดือน ถือว่าน้องอยู่ในวัยที่สามารถกินแมลง เนื้อสัตว์ รวมถึงอาหารเสริมที่เป็นโปรตีน แคลเซียม HPWได้ โดยเราจะต้องปรับมื้อสูตรอาหารชูก้าให้เหมาะสมกับอายุโดยลดจำนวนมื้อลง เหลือมื้ออาหารหลักให้เช้าและเย็น ควรที่จะให้อาหารที่หลากหลาย

เมื่อน้องชูก้าไรเดอร์มีอายุมากกว่า 1 ปีเป็นต้นไป จะถือว่าเข้าสู่วัยพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ให้ทานนมเป็นอาหารเสริมสำหรับร่างกาย และให้ลดปริมาณการทานนมลงเหลือมื้อละ 1 ครั้ง พออายุเพิ่มมากขึ้นให้ปรับเป็นวันเว้นวัน หรือ 2 – 3 วันทานครั้ง มาเน้นการกินอาหารอื่นๆ

ชูก้าไรเดอร์ Normal สายพันธุ์ปกติธรรมดา หรือที่เรียกว่า Classic Grey สายพันธุ์นี้หลายคนนิยมเลี้ยงกันอย่างแพร่หลายชูก้าพันธุ์นอมอล ราคาเท่าไร ด้วยราคาค่าตัวน้องไม่สูงมาก ราคาโดยประมาณจะอยู่ระหว่าง 800 – 1,200 บาท โดยตัวเมียจะมีราคาสูงมากกว่าตัวผู้ เป็นสายพันธุ์ที่เหมาะสำหรับมือใหม่หัดเลี้ยงสัตว์ Exotic ลักษณะของ สายพันธุ์ชูก้าไรเดอร์ อย่างสายพันธุ์นอมอล สีของน้องจะไม่ปรากฏเป็นสีขาวมากนัก จะเห็นสีขาวแค่ช่วงหน้าท้อง ใบหน้าจะมีลายสีดำ ส่วนขนทั้งร่างของน้องจะปรากฏเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ หรือบางตัวจะปรากฏเป็นสีเทา ส่วนสีดำนั้นแซมเป็นทางตรงตั้งแต่บริเวณหัว ก้น ลงมาจนถึงปลายหาง ชูก้าไรเดอร์ สายพันธุ์ White Face

สายพันธุ์ White Face

อีกสายพันธุ์ที่นิยมแพร่หลายพอๆ กันกับสายพันธุ์นอมอล คือ น้องชูก้าไรเดอร์สายพันธุ์ White Face ลักษณะของน้องจะมีความใกล้เคียงกับสายพันธุ์นอมอลอย่างมาก แต่น้องมีลักษณะพิเศษตามชื่อคือมีใบหน้าและแก้มที่ขาวมากกว่าพันธุ์นอมอล โดยจะไม่มีสีดำจากใบหูถึงบริเวณดวงตา ซึ่งค่าตัวน้องจะสูงมากกว่าพันธุ์นอมอล ประมาณ 2,000 บาทขึ้นไป และตัวเมียจะแพงกว่าตัวผู้เช่นกัน

แนะนำน้องชูก้าไรเดอร์สายพันธุ์พรีเมี่ยม พันธุ์โมซาอิ

สายพันธุ์ Masaic (โมซาอิ)

น้องชูก้าไรเดอร์ สายพันธุ์ Masaic (โมซาอิ) เป็นสายพันธุ์พรีเมี่ยมที่มีลักษณะเด่นแตกต่างจากสายพันธุ์นอมอล และสายพันธุ์ไวท์เฟค เพราะน้องจะมีลักษณะพิเศษของขนที่มีสีบลอนเงิน หรือที่เรียกกันว่า Platinum colored Mosaic โดยแต่ละตัวจะมีสีบลอนเงินที่แสดงออกมามากน้อยแตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการผสมของเชื้อจากพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ ด้วยสาเหตุที่ผสมพันธุ์ได้ยาก จึงทำให้น้องชูก้า สาย พันธุ์ โม ซา อิสายพันธุ์นี้ มีราคาสูงถึง 4,000 บาทขึ้นไป นอกจากนี้น้องยังมีลักษณะเป็นสีขาว สีครีมแทรกอยู่บนร่างกายอีกด้วย

แนะนำ สายพันธุ์ชูก้าไรเดอร์ ที่มีความโดดเด่นอยู่ดวงตาและขนสีขาวสนิท

1.ชูก้าไรเดอร์ สายพันธุ์ Leucistic

            สายพันธุ์ชูก้าไรเดอร์ที่มีความโดดเด่นพิเศษปรากฏผ่านดวงตาของน้อง มีอยู่ 2 สายพันธุ์ที่เราจะมาแนะนำให้ทุกคนรู้จัก ได้แก่ น้องชูก้าไรเดอร์ สายพันธุ์ Leucistic ที่ร่างกายของน้องจะมีสีขาวสนิท และมี Black Eye ที่น่าสนใจ โดยค่าตัวของน้องสูงถึง 4 หมื่นบาท

2.ชูก้าไรเดอร์ สายพันธุ์ Albino

อีกสายพันธุ์ที่มีขนและดวงตาเป็นจุดเด่นไม่แพ้กัน คือ น้องชูก้าไรเดอร์สายพันธุ์ Albino เป็นชูก้าไรเดอร์เผือก เพราะทั้งตัวขาวสนิทหรืออาจเป็นสีครีมล้วน ไม่มีลายอื่นใดแทรก ส่วนของดวงตาจุดเด่นเป็นสีชมพู คนนิยมเรียกน้องว่า BEW (Black Eye White) นอกจากนี้น้องยังมีใบหูที่โปร่งแสงอีกด้วย ค่าตัวน้องสูงมากๆ โดยจะอยู่ที่ 7 หมื่น ไปจนถึง 1 แสนบาทเลยทีเดียว

ติดตามความรู้เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงสายพันุธ์ต่างๆที่คุณรักได้ทางเว็บไซตของเรารับรองคุณจะได้ความรู้เกี่ยวกับเว็บไซต์เราไม่น้อยเลย