เดือน: กรกฎาคม 2022

เลี้ยงชูการ์ไกลเดอร์ หนึ่งในสัตว์ที่คนไทยนิยมเลี้ยงเป็นจำนวนมาก เนื่องจากชูการ์เป็นสัตว์ที่มีทั้งความน่ารัก เป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งยังเป็นสัตว์เอ็กโซติกที่ราคาไม่สูง และหาซื้อได้ค่อนข้างง่าย โดยสัตว์ชนิดนี้จะมีความพิเศษ และความน่าสนใจอย่างไรบ้าง วันนี้เรามีข้อมูลต่าง ๆ มาให้กับทุกคนแล้ว

เลี้ยงชูการ์ไกลเดอร์ เจ้านักล่าตัวน้อยในรัตติกาล

ลักษณะทั่วไปของชูการ์ไกลเดอร์

          สำหรับลักษณะของ ชูการ์ไกรเดอร์ หรือ จิงโจ้ร่อน นั้นจะมีลักษณะคล้ายกระรอกตัวเล็ก ๆ ขนาดไม่เกิน 200 กรัม ความยามของลำตัวตั้งแต่ปลายจมูกไปจนถึงปลายหางจะมีขนาดไม่เกิน 50 เซนติเมตร ขนหนา แต่อ่อนนุ่มทั้งตัว และจะมีสีหลัก ๆ ได้แก่ สีเทา, สีขาว และ สีตาล แต่จะมีเฉดสีที่แตกต่างกันออกไป นอกจากนี้ยังมีถุงหน้าท้อง และบางสายพันธุ์จะมีตาสีแดงอย่างเห็นได้ชัด

ลักษณะนิสัยของการ์ไกลเดอร์

          สัตว์ชนิดนี้จะออกหากินในตอนกลางคืน และจะพักผ่อนในตอนเวลากลางวัน อีกทั้งยังมีนิสัยน่ารัก รักความสะอาด เข้ากับคนได้ค่อนข้างดี และชอบเข้าสังคม ดังนั้นจึงควรหาเพื่อนให้กับน้องจะดีเป็นอย่างยิ่ง

ค่าตัวและฟาร์มเพาะเลี้ยงชูการ์ไกลเดอร์ที่อยากแนะนำ

            หากอยากเลี้ยงเลี้ยงชูการ์ไกลเดอร์ มีที่จัดจำหน่ายในท้องตลาดนั้นมีราคาที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ดังนั้น ชูก้าไกรเดอร์ ราคา จึงมีตั้งแต่หลัก 800 บาท ไปจนถึง 50,000 บาทเลยทีเดียว และสำหรับฟาร์มเพาะเลี้ยง และร้านขายน้องก็มีอยู่หลายร้านด้วยกัน ซึ่งเราอยากนำ 3 ร้านดังนี้

• Porsche Exotic Zoo

ร้านนำเข้า และส่งออกเอ็กโซติก เพ็ด บน Instagram โดยความพิเศษของทางร้านคือเราสามารถรีเควสได้เลยว่าอยากได้น้องที่มีลักษณะแบบไหนก็สามารถรีเควสไปยังทางร้านได้เลย

• Joy Sugarrainbow

ฟาร์มชูการ์ไกลเดอร์ที่เพาะเลี้ยงและจำหน่ายชูการ์ไกลเดอร์บน Instagram และ Facebook โดยน้อง ๆ จากทางฟาร์มนอกจากจะมีความน่ารัก และหลากหลายสีแล้ว ตัวชูก้า ราคา ยังไม่สูงจนเกินไปอีกด้วย

• ชูก้าร์ไกลเดอร์ Mos Exotic Pet

ร้านขายชูการ์ไกลเดอร์ และสัตว์เอ็กโซติกอีกหลากหลายชนิดบน Facebook โดยทางร้านจะมีบริการส่งทั่วประเทศโดยคิดค่าส่งแตกต่างกันไปตามแต่ละภาค นอกจากนี้ทางร้านยังจะเปิดขายพ่อ แม่พันธุ์เป็นรอบ ๆ สำหรับใครที่อยากได้ต้องรอติดตามทางน่าเพจของทางร้านได้เลย

(บทสรุป)

            สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่อยาก เลี้ยงชูการ์ไกลเดอร์ เราแนะนำให้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องสุภาพของน้อย เช่นเรื่องการฉีดวัคซีน ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งในสัตว์เลี้ยงหลาย ๆ ชนิด ชูการ์ไกลเดอร์ก็เช่นกัน ดังนั้นเราจึงแนะนำสำหรับใครที่รับน้องมาเลี้ยงใหม่ ๆ ให้นำน้องไปหาหมอเพื่อตรวจเช็คสุขภาพรวมไปถึงการฉีดวัคซีน เป็นต้น

แมวโกนจา นับว่าเป็นแมวอีกสายพันธุ์หนึ่งที่นับว่าเป็นแมวไทยโบราณที่ปรากฏชื่อในสมุดข่อย โดยแมวชนิดนี้นับว่าเป็น 1 ใน 5 แมวโบราณที่ยังสามารถพบเห็นได้ในปัจจุบัน ซึ่งโกนจา แม้ว่าจะเป็นแมวที่มีสีดำสนิททั้งตัว แต่ไม่ถือว่าเป็นอัปมงคลแต่อย่างใด เนื่องจากโบราณเชื่อกันว่าแมวชนิดนี้จะช่วยเรื่องเงินทอง สุขภาพ หน้าที่การงาน อำนาจวาสนา และช่วยเรื่องของความสมปรารถนาให้แก่ผู้เลี้ยง เป็นต้น

แมวโกนจา แมวที่มาพร้อมลักษณะพิเศษ และมีนิสัยของการเป็นนักผจญภัยสูง

            แมวโกนจาหรือ แมวโกญจา คือหนึ่งในแมวที่ปรากฏชื่อในสมุดข่อย ตำราแมวไทยโบราณ โดยแมวชนิดนี้นับว่าเป็นหนึ่งในสายพันธุ์แมวที่ในปัจจุบันนั้นหาได้ค่อนข้างง่าย แต่ไม่ได้รับความนิยมสักเท่าไร เมื่อเทียบกับแมวมงคลชนิดอื่น ๆ

นอกจากนี้คุณปรีชา วัฒนา ผู้อนุรักษ์แมวไทยโบราณ ยังได้ให้ข้อมูลอีกว่า แมวไทยโบราณที่ในปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 5 สายพันธุ์นั้น ได้มีการขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการแล้ว 3 สายพันธุ์ ได้แก่ แมวขาวมณี, แมววิเชียรมาศ และแมวสีสวาด ซึ่งล้วนเป็นชาวต่างชาติที่นำไปขึ้นทะเบียน ส่วนแมวศุภลักษณ์นั้นคุณปรีชา ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พยายามในการพัฒนาสายพันธุ์แมวชนิดนี้ให้เป็นไปตามเกณฑ์การขึ้นทะเบียนแมวของ The Cat Fanciers Association (CFA) ส่วนแมวโกนจานั้นเป็นแมวที่เราไม่มีโอกาสได้ขึ้นทะเบียน เนื่องจากต่างชาติได้มีการพัฒนาสายพันธุ์แมวดำ และขึ้นทะเบียนในชื่อของ “แมวบอมเบย์”

ลักษณะของแมวโกนจา

            แมวโกนจาลักษณะ ที่ตรงตามตำราแมวโบราณจะต้องเป็นแมวที่มีขนสั้น สีดำล้วนทั้งตัว นัยน์ตามีสีขาวอมเหลือง และที่สำคัญคือเท้าจะมีลักษณะทอดคล้ายเท้าสิงห์ ที่สำคัญคือเท้า หรือฝ่าเท่าจะต้องเป็นสีดำ

นิสัยแมวโกนจา

            แมวโกนจะจะมีนิสัยค่อนข้างที่จะเป็นนักสำรวจ มีความรักอิสระ ฉลาด ที่สำคัญคือแมวสายพันธุ์นี้ยังมีลักษณะนิสัยอื่น ๆ ที่คล้ายกับสิงห์ เช่น ปราดเปรียว คล่องแคล่วว่องไว และมีรูปร่างและท่าท่างสง่า เป็นต้น

ลักษณะของแมวโกนจา

            แมวโกนจาลักษณะ ที่ตรงตามตำราแมวโบราณจะต้องเป็นแมวที่มีขนสั้น สีดำล้วนทั้งตัว นัยน์ตามีสีขาวอมเหลือง และที่สำคัญคือเท้าจะมีลักษณะทอดคล้ายเท้าสิงห์ ที่สำคัญคือเท้า หรือฝ่าเท่าจะต้องเป็นสีดำ

นิสัยแมวโกนจา

            แมวโกนจะจะมีนิสัยค่อนข้างที่จะเป็นนักสำรวจ มีความรักอิสระ ฉลาด ที่สำคัญคือแมวสายพันธุ์นี้ยังมีลักษณะนิสัยอื่น ๆ ที่คล้ายกับสิงห์ เช่น ปราดปรียว คล่องแคล่วว่องไว และมีรูปร่างและท่าทางสง่า เป็นต้น

อยากเลี้ยงโกนจา หาพันธุ์แมวไม่ยากอย่างที่คิด

            สำหรับแมวโกนจา นอกจากจะเป็นแมวไทยที่หาได้ไม่ยากแล้ว ข้อดีของการ เลี้ยงแมวโกนจา อีกอย่างหนึ่งคือเนื่องจากเป็นแมวไทย ดังนั้นจึงถือว่าเป็นแมวสายพันธุ์ท้องถิ่น ดังนั้นปัจจัยต่าง ๆ จึงเหมาะสมกับการเลี้ยงแมวสายพันธุ์นี้เป็นอย่างยิ่ง

          นอกจากนี้สำหรับใครที่อยากเลี้ยงแมวชนิดนี้ก็สามารถทำได้ไม่ยากนัก โดยคุณสามารถซื้อแมวสายพันธุ์นี้จากฟาร์มที่เพาะเลี้ยงโดยตรง หรือรับเลี้ยงน้องจากมูลนิธิหรือองกรณ์ต่าง ๆ ที่ประกาศหาบ้านให้น้องก็ได้เช่นกัน โดยแมวโกนจา ฟาร์ม ที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คงหนีไม่พ้น “บ้านแมวไทยบางรัก” โดยสามารถโทรติดต่อสอบถามไปที่เบอร์ 089 – 777 – 1621

(บทสรุป)           

เป็นอย่างไรบ้าง สำหรับข้อมูล และสาระดี ๆ เกี่ยวกับแมวโกนจา ที่เรานำมาฝากทุกคนในวันนี้ สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่มีแมวดำอยู่ที่บ้างแล้วอยากทราบว่า แมวตัวนั้นเป็นเจ้าแมวโกนจา แมวไทยโบราณตามตำราแมวหรือไม่ ก็สามารถนำข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะของแมวโกนจาที่เรานำมาฝากในวันนี้ไปใช้สังเกต หรือเปรียบเทียบกับแมวของตัวเองได้เลย เพราะบางครั้งแมวของคุณอาจจะเป็นหนึ่งในแมวโบราณที่ยังไม่สูญพันธุ์และควรค่าแก่การอนุรักษ์เป็นอย่างยิ่ง

ด้วงกว่าง จัดว่าเป็นแมลงชนิดหนึ่งที่มีหลากหลายสายพันธุ์เป็นอย่างยิ่ง โดยแมลงชนิดนี้จัดว่าเป็นแมลงปีกแข็งที่มีทั้งความสวย แข็งแรง และที่สำคัญยังเลี้ยงไม่ยากอีกด้วย ดังนั้นหากใครที่อยากลองเลี้ยงน้องด้วงสุดน่ารักวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับแมลงชนิดนี้ก่อน และค่อยตัดสินใจว่าควรเลี้ยงดีหรือไม่

ด้วงกว่าง เลี้ยงไว้ดูก็ง่าย เลี้ยงขายก็ดี

ด้วงกว่างนับว่าเป็นสัตว์ป่าชนิดหนึ่งที่เราสามารถพบเห็นได้ตามธรรมชาติ โดยเฉพาะเขตป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ แต่มีใครเคยสงสัยไหมว่า ด้วงกว่างมีกี่ชนิด เพราะตามที่เราได้กล่าวไปในข้างต้นแล้วว่า ด้วงกว่างนั้นมีหลายชนิดด้วยกัน ซึ่งตามที่มีข้อมูลบันทึกเกี่ยวกับสายพันธุ์ของด้วงนั้นมีมากกว่า 400,000 ชนิด โดยจะมีถิ่นกำเนิดกระจายอยู่ในหลายทวีปทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยก็นับว่าเป็นหนึ่งในถิ่นกำเนิดของด้วงกว่าง และด้วงแรดด้วย โดยด้วงกว่าง และด้วงแรดที่พบในไทยนั้นมีมากกว่า 19 ชนิดเลยทีเดียว

วิธีเลี้ยงด้วงกว่าง

1. แนะนำให้เลือกเลี้ยงจากหนอนด้วงกว่างจะดีกว่าการเลี้ยงจากไข่
2. เลือกภาชนะสำหรับเลี้ยง โดยเราแนะนำให้เลือกใช้กล่องพลาสติกที่มีฝาปิด
3. จากนั้นให้ใส่วัสดุในการเลี้ยงลงไป ซึ่งเราแนะนำให้ใช้เป็นขี้เลื่อย ผสมกับดิน และกากมะพร้าว ซึ่งควรจะมีการหมักบ่มไว้สักพัก ดังนั้นเราจึงแนะนำให้หาซื้อทางช่องทางออนไลน์จะดีที่สุด
4. ผสมดิน และน้ำเข้าด้วยกัน โดยดินที่จะใช้เลี้ยงด้วยควรมีความชุ่มชื่น แต่ไม่ควรแฉะจนเกินไป
5. น้ำหนอนด้วงกว่าง และดินลงไปในภาชนะที่เตรียมไว้จากนั้นปิดฝาภาชนะไว้
6. หนอนด้วงจะใช้เวลาในการเจริญเติบโตประมาณ 3 เดือน กว่าจะกลายเป็นดักแด้ ซึ่งระหว่างนั้นแนะนำให้คอยหมั่นสังเกตว่าดินที่ใส่ในภาชนะหมด หรือแห้งหรือยัง และหากดินกลายเป็นขี้ด้วงหมดแล้วเราจึงเติมดินใหม่อีกครั้ง
7. และเมื่อด้วงกลายเป็นดักแต่เราก้ไม่ต้องทำอะไรกับมันแล้ว จากนั้นก็รอว่าด้วงจะกลายเป็นด้วงกว่างโตเต็มวัยเมื่อไร

เลี้ยงด้วงกว่างโตเต็มวัย

เมื่อด้วงกว่าโตเต็มวัยหลายคนอาจสงสัยว่า ด้วงกว่างกินอะไร เราอยากบอกกับทุกคนว่าด้วงกว่างเป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่ายมาก โดยมันจะกินยางไม้ เปลือกไม้ และผลไม้อื่น ๆ อีกหลายชนิด แต่ในสมัยที่ผู้เขียนเคยเลี้ยงตอนเด็กมักจะให้อ้อยเป็นอาหาร ดังนั้นจึงหมายความว่าด้วงกว่างเป็นสัตว์ที่กินง่ายอยู่ง่ายเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ที่อยู่ของมันเราก็สามารถเลี้ยงได้ในภาชนะหลายแบบ ซึ่งถ้าอยากให้มีความสวยงามเราจะแนะนำให้เพื่อน ๆ เลี้ยงในโถแก้ว เพื่อที่เราจะได้มองเห็นจากภายนอกนั่นเอง

ราคาและร้านขายด้วงกว่างบนช่องทางออนไลน์

สำหรับราคาและร้านขายด้วงกว่างนั้นมีอยู่หลายร้านด้วยกัน โดย ด้วงกว่างไทย ราคา ราคาจะอยู่ที่หลักร้อย ไปจนถึงประมาณ 2,500 บาท ซึ่งบางที่จะแยก ด้วงกว่างตัวเมีย และตัวผู้ออกจากกัน หรือขายรวมกันเท่านั้น เป็นต้น และสำหรับหนอนด้วงกว่างราคาจะอยู่ที่ประมาณตัวละ 50 – 200 บาท นอกจากนี้ในส่วนร้านที่ขายนั้นก็สามารถหาได้ง่าย ๆ ทั้งบน Lazada Shopee และ Facebook

แต่สำหรับใครที่อยากศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับวัฏจักรชีวิตของด้วงกว่าง วิธีเลี้ยงด้วงกว่าง รวมไปถึง ชุดสำหรับเพราะเลี้ยงด้วงกว่างแบบครบวงจรก็สารมารเข้าไปติดตามเพจ Facebook Siam insect zoo หรือ สวนสัตว์แมลงสยาม (Siam Insect Zoo) “พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้และฟาร์มแมลงมีชีวิต” โดยจะตั้งอยู่ที่ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ที่สำคัญทางฟาร์มยังมีด้วงกว่างสายพันธุ์เจ๋ง ๆ เช่น ด้วงกว่างญี่ปุ่น และอื่น ๆ ให้เราสามารถสัมผัสของจริงได้อีกด้วย

บทสรุป

สำหรับใครที่อยากเลี้ยงด้วงกว่างเราต้องขอบอกว่าวงจรชีวิตของด้วงนั่นค่อนข้างที่จะสั้น ซึ่งด้วงที่อยู่ในวัยโตเต็มวัยจะอยู่กับเราได้เพียง 1 – 2 ปีเท่านั้น และที่สำคัญด้วงกว่างจัดว่าเป็นศัตรูพืช ดังนั้นหากใครที่อยากจะเลี้ยงสัตว์ชนิดนี้ควรตัดสินใจและวางแผนการเลี้ยงให้ดีก่อนการนำมาเลี้ยงนั่นเอง

นางอาย นับว่าเป็นหนึ่งในสัตว์ป่าที่ถูกล่าเพื่อนนำมาขายเป็นสัตว์เลี้ยง และค่อนข้างได้รับความนิยมสูงในหมู่ของคนที่ชื่นชอบการเลี้ยงสัตว์แปลก และกลุ่มคนที่ชื่นชอบการรับประทานเนื้อสัตว์ป่า ซึ่งนางอายนั้นจัดว่าเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ดังนั้นหากใครที่ล่าหรือมีสัตว์ชนิดนี้ครอบครองจึงนับว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

นางอาย สัตว์ป่าคุ้มครอง และใกล้สูญพันธุ์

นางอายถูกขึ้นบัญชีให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภท สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ลำดับที่ 151 ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 และบัญชีชนิดอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (cites) หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ตัวนางอาย ถูกล่าอย่างหนัก เพื่อนำมาจำหน่ายให้กับกลุ่มคนที่ชื่นชอบการเลี้ยงสัตว์ป่า และรับประทานเนื้อสัตว์ป่า

ในปัจจุบันนางอายสามารถจำแนกออกเป็น 8 ชนิดหลัก ๆ ด้วยกันได้แก่ ลิงลมเหนือ (ลิงลมเบงกอ), ลิงลมใต้ (นางอายใต้), ลิงลมแคระ, ลิงลมชวา, ลิงลม bancanus, ลิงลม borneanus, ลิงลม kayan และ ลิงลม menagensis ซึ่งนางอาย หรือ ลิงลม ชนิดต่าง ๆ เหล่านี้จะมีถิ่นกำเนิดกระจายอยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นั่นจึงหมายความว่าในไทยเราก็เป็นถิ่นกำเนิดของสัตว์ชนิดนี้ด้วย

โดยลักษณะโดยทั่วไปของนางอายจะเป็นสัตว์ที่มีขนาดของลำตัวที่ค่อนข้างเล็กน้ำหนักประมาณ 1 – 2 กิโลกรัม แต่ถ้าหาเป็นลิงลมแคระจะมีน้ำหนักเรียง 250 – 400 กรัมเท่านั้น ดวงตากลมโต ไม่มีหาง บางชนิดจะมีสีน้ำตาล สีเทา และสีขาว และจะมีลวดลายเฉพาะอยู่บนลำตัว และที่สำคัญเป็นสัตว์ที่เคลื่อนไหวเชื่องช้าในตอนกลางวัน และเป็นนักล่าที่ดีในตอนกลางคืน

สัตว์ป่ามาพร้อมกับเชื้อโรคที่อันตราย และไม่ควรเลี้ยงเป็นอย่างยิ่ง

การเลี้ยงนางอายหรือสัตว์ป่าชนิดใดก็ตามแต่ หากเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง หรือเป็นสัตว์ป่าสงวน สิ่งที่คุณจะได้รับนอกจากการถูกจับ และถูกปรับจากการกระทำที่ผิดกฎหมายแล้ว สิ่งที่ตามมาอีกอย่างหนึ่งคือเชื้อโรค หรือเชื้อไวรัสต่าง ๆ ที่จะมาพร้อมกับสัตว์ป่าเหล่านี้ด้วย เช่น นางอายจัดว่าเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคและพาหะนำโรคหลายชนิดที่มาจากลิง “ฝีดาษลิง” ก็สามารถแพร่จากนางอายได้เช่นกัน, โรคพิษสุนัขบ้า รวมไปถึงสารก่อภูมิแพ้ เป็นต้น นอกจากนี้สำหรับใครที่สงสัยว่า นางอายมีพิษไหม คำตอบคือ “มี” นางอาย และ ลูกนางอาย เป็นสัตว์ที่มิพิษในตัว และนางอายจัดว่าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพียงไม่กี่ชนิดบนโลกที่มีพิษ และพิษของมันอันตรายกันมนุษย์เป็นอย่างยิ่ง และร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตเลยทีเดียว

บทสรุป

นางอายนอกจากจะเป็นสัตว์ที่อันตรายและพิษของมันร้ายแรงถึงชีวิตแล้ว การเลี้ยงหรือการมีนางอายอยู่ในครอบครองนับว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ดังนั้นใครที่อยากเลี้ยงสัตว์แปลกน่ารัก ๆ แต่ไม่ผิดกฎหมาย และไม่อันตรายเราแนะนำให้ลองเลือกสัตว์เอ็กโซติกอื่น ๆ เช่น ชูก้าไกรเดอร์, ชิงชิล่า และอื่น ๆ อีกมากมาย มาลองเลี้ยงคุณอาจจะชื่นชอบและหลงรักสัตว์เหล่านี้มากกว่าลิงลมก็ได้ค่ะ

แมวติดโควิด นับว่าเป็นภัยใกล้ตัวที่ผู้เลี้ยงหลายคนอาจจะยังไม่ทราบ ดังนั้นวันนี้เราจึงนำข้อมูลเกี่ยวกับการติดเชื้อไวรัสโควิดในน้องแมว มาฝากเหล่าทาสทุกคนให้รู้จักสังเกตอาการของน้องแมว และช่วยเป็นแนวทางในการป้องกันไม่ให้น้องแมวของเราเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสด้วย

แมวติดโควิด ภัยเงียบที่ผู้เลี้ยงหลีกเลี่ยงได้

แมวติดโควิด นับว่าเป็นเรื่องที่หลายคนต่างถกเถียงกันเป็นอย่างมากว่า แมวติดโควิดได้ไหม และหากแมวติดโควิดไปแมวติดโควิด อาการ จะเป็นอย่างไร ดังนั้นเพื่อเป็นการไขข้อข้องใจเว็บไซต์ของเราจึงได้รวบรวมข้อมูลเหล่านั้นมาให้กับทุกคนแล้ว

แมวติดโควิดได้ไหม 65

สำหรับใครที่สงสัยว่า แมวติดโควิดได้ไหม คำตอบคือ สามารถติดได้ แต่ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ไวรัสโควิด – 19 ที่กำลังระบาดในคนนั้น เป็นเชื้อคนละตัวที่ระบาดในสัตว์ ซึ่งเชื่อโควิดที่ระบาดในสัตว์นั้นมีมานานแล้ว และจะเป็นสายพันธุ์ที่ระบาดเฉพาะในสัตว์แต่ละสายพันธุ์เท่านั้น และจะไม่มีการระบาดข้ามสายพันธุ์ เช่นไวรัสโควิดสายพันธุ์ที่ระบาดในแมวก็จะระบาดเฉพาะในแมวเท่านั้น และจะไม่สามารถระบาดไปสู่สุนัขได้นั่นเอง

อาการของแมวติดโควิด

ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้แมวติดเชื้อโควิท (ชนิดระบาดในแมว) นั้นเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งเกิดจากการเลียขน หรือการที่น้องแมวไปสัมผัสกับอุจจาระที่มีการติดเชื้อ เป็นต้น โดยอาการของน้องแมวที่ติดโควิทจะค่อนข้างมีอาการที่รุนแรงกว่าน้องหมา ซึ่งจะมีอาการต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ ในช่วงแรกน้องแมวจะมีอาการคล้ายกับเป็นไข้หวัดธรรมดา จากนั้นก็จะเริ่มมีอาการจามค่อนข้างถี่ และอาจจะมีอาการตาแฉะ, น้ำมูกไหล, ท้องเสีย, คลื่นไส้ หรือ น้ำหนักลดร่วมด้วย นอกจากนี้แล้วในแมวบางตัวเชื้อไวรัสยังสามารถกลายพันธุ์เป็นโรคเยี่อบุช่องท้องอักเสบ (FIP)

น้องแมวน้องหมา สามารถติดเชื้อไวรัสโควิดจากคนได้

สำหรับใครที่สงสัยว่าแมวติดโควิดจากคนได้ไหม คำตอบคือ ทั้งน้องแมวและน้องหมา สามารถติดเชื้อโควิดจากมนุษย์ได้ แต่ต้องเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่กับคนอย่างใกล้ชิด ตามข้อมูลบนเว็บไซต์ ฐานเศรษฐกิจ ที่ถูกเผยแพร่เมื่อช่วงเดือนเมษายน 2022 ได้มีการให้ข้อมูลว่า ศจ.สพ.ญ.ดร.เกวลี ฉัตรดรงค์ ให้ข้อมูลว่า สุนัขและแมวสามารถติดเชื้อไวรัสโควิดจากคนได้ แต่ต้องอยู่ร่วมกันอย่างใกล้ชิด แต่แมวติดโควิด หรือสัตว์ที่ได้รับเชื้อจะไม่สามารถแพร่ให้สัตว์อื่น หรือแพร่กลับสู่มนุษย์ไม่ได้ และสำหรับใครที่สงสัยว่าแมวติดโควิดอันตรายไหม คำตอบคือ การติดเชื้อโควิดในสัตว์จะไม่เป็นอันตรายเท่ากับการติดเชื้อในคน และสามารถหายเองได้ใน 3 – 7 วัน แต่ทั้งนี้หากใครที่เป็นกังวลเราแนะนำให้พาน้อง ๆ ไปหาหมอจะเป็นผลดีกับน้องมากที่สุด

บทสรุป

สรุปแล้วแมวติดโควิดสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ซึ่งเดิมในสุนัขและแมวมีไวรัสโควิดที่เป็นสายพันธุ์ที่แพร่เฉพาะในสัตว์เหล่านั้นอยู่แล้ว และในแมวจะมีอาการจากการติดเชื้อที่รุนแรงกว่าในสุนัข นอกจากนี้แมวและสุนัขยังสามารถติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 จากคนเราได้ด้วย แต่ทั้งนี้หากมีการติดเชื้อในสัตว์จะสามารถหายเองได้ ใน 3 – 7 วัน แต่ทั้งนี้เชื้อโควิทที่ระบาดในแมว (Feline coronavirus) จะสามารถกลายพันธุ์ได้ด้วย ดังนั้นหากใครที่พบว่าน้องแมวมีอาการต่าง ๆ ที่เรากล่าวมาในข้างต้น เราแนะนำให้สามารถพาน้อง ๆ ไปหาหมอจะเป็นผลดีกับน้องมากที่สุด