Categories
ชูก้าไรเดอร์

หนูตะเภา หนูตัวใหญ่ น่ารัก แถมรักความสะอาดเป็นที่หนึ่ง

หนูตะเภา หรือหนูแกสบี้หนึ่งในสัตว์เลี้ยงเอ็กโซติก ที่คนนิยมเลี้ยงเป็นอันดับต้น ๆ เนื่องจากหนูตะเภา เป็นสัตว์ที่น่ารัก ขนาดตัวไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป เมื่อเทียบกับสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น ๆ อีกทั้งยังมีขบวนการในการดูแล หรือเลี้ยงที่ค่อนข้างง่าย ไม่ซับซ้อนจนเกิดไป ดังนั้นหลาย ๆ คนที่เป็นมือใหม่ในการเลี้ยงสัตว์จึงค่อนข้างที่จะนิยมเลือกเลี้ยงสัตว์ชนิดนี้ และในวันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ทุกคนไปทำความรู้จักกับเจ้าหนูน่ารักตัวนี้ ซึ่งจะมีข้อมูลต่าง ๆ ที่น่าสนใจขนาดไหน เราไปดูพร้อมกันเลย

ประวัติ หนูตะเภา เจ้าหนูสุดน่ารัก ที่หลายคนนิยมเลี้ยง

หนูตะเภาเป็นหนูที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน แต่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบ โดยสัตว์ชนิดนี้นอกจากจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่หลาย ๆ คนต่างหลงใหลในความน่ารักของพวกมันแล้ว ปัจจุบันหนูชนิดนี้ยังเป็นหนึ่งในสัตว์ทดลอง อีกด้วย (น่าสงสารน้องมาก ToT) โดยหนูตะเภา มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “หนูแกสบี้” ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศเปรู ทวีปอเมริกาใต้ เมื่อหลายพันปีก่อน ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในอาหารของคนชนเผาในยุคนั้น คล้าย ๆ กับการรับประทานหนูนาของคนในท้องถิ่นของประเทศไทยเรา และหลังจากนั้นสัตว์ชนิดนี้ก็ถูกนำไปยังยุโรป จนทำให้กลายเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายจนถึงปัจจุบัน

ลักษณะนิสัยและวิธีการเลี้ยงของหนูตะเภา

นอกจากนี้ในส่วนของวิธีการเลี้ยง ลักษณะนิสัย หรือคำถามที่มักจะพบได้บ่อยคือ หนูตะเภากินอะไร หรือหนูตะเภา กินอะไรได้บ้าง โดยในส่วนของวิธีการเลี้ยง ควรเลือกบริเวณสำหรับการวางกรงให้เหมาะสม โดนควรเลือกพื้นที่ที่มีความโปร่ง อุณหภูมิไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป และที่สำคัญแกสบี้เป็นสัตว์ที่รักความสะอาดดังนั้นต้องหมั่นทำความสะอาดกรงของมันอยู่เสมอ ต่อมาคือในส่วนของ ลักษณะนิสัยของหนูตะเภา หนูตะเภาเป็นสัตว์ที่ไม่ชอบเสียงดัง การโดนคนจับก้นของมัน หรือการที่มีเล็บยาว ๆ ดังนั้นผู้เลี้ยงจึงควรให้ความสำคัญในจุดนี้เป็นอย่างยิ่ง

อาหารที่เจ้าหนูตะเภาโปรดปราน

สุดท้ายคือในส่วนของอาหาร หญ้าแห้ง และผักหลายชนิดคืออาหารรสเลิศ และดีต่อสุขภาพของหนูตะเภา เช่น ผักชี, แครอท, มะเขือเทศ, แตงกวา, ข้าวโพด, กะหล่ำปลี, บรอกโคลีสด, ผักขม และฝักถั่วในปริมาณเล็กน้อยก็สามารถให้สารอาหารที่ดีต่อหนูตะเภาของคุณแล้ว

แต่ก็มีผักและผลไม้อีกหลายชนิดที่นับว่าเป็นอาหารต้องห้ามสำหรับหนูตะเภาเช่นเดียวกัน หลัก ๆ แล้วจะเป็นอาหารที่มีน้ำตาลเป็นจำนวนมาก รวมถึงขนมสำหรับหนูตะเภาด้วยเช่นกัน โดยผักและผลไม้ต้องห้าม หรือควรให้ในปริมาณที่ควบคุมได้ เช่น ผักกาดแก้ว, ผักร็อคเก็ตสลัด, ผักใบสีแดง, กะหล่ำดอก, หัวบีทรูท, มันฝรั่ง และหัวไชเท้า เป็นต้น

ราคา และแหล่งขายหนูตะเภา ในเมืองไทย

ในส่วนของราคาของหนูตะเภา โดย หนูตะเภา ราคา มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่นต้น ๆ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับคุณภาพของสายพันธุ์ และฟาร์มที่เพาะเลี้ยง โดย ฟาร์มหนูตะเภา ที่เราอยากแนะนำนั้นมีหลายฟาร์มด้วยกัน เช่น Guineapig World Farm, หนูแกสบี้ AMP Cavy Pattaya และจิรายุฟาร์มเหนือคลอง กระบี่ ใกล้ที่ไหนลองเข้าไปสอบถามข้อมูลกันก่อนได้เลย

Categories
ชูก้าไรเดอร์

ชินชิล่า สัตว์เลี้ยงขนนุ่มนิ่ม ที่สายเลิฟเอ็กโซติดเพ็ดไม่ควรพลาด

หากพูดถึงสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในสกุลเดียวกับหนู และคนนิยมเลี้ยงเป็นอันดับต้น ๆ คงไม่พูดถึง ชินชิล่า เป็นไม่ได้ เนื่องจากชินชิล่านับว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความน่ารัก มีขนนุ่ม หาซื้อได้ง่าย อีกทั้งยังนับว่าเป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงจำพวกเอ็กโซติกเพ็ดที่เลี้ยงและดูแลค่อนข้างง่าย ไม่ยุ่งยาก ซึ่งในวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเจ้าชินชิล่าตัวนี้ให้มากขึ้น ซึ่งจะมีความข้อมูลที่น่าสนใจขนาดไหน เราไปดูพร้อมกันเลย

ข้อมูลที่น่าสนใจของ ชินชิล่า ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้

ชินชิล่าหนึ่งในสัตว์เลี้ยงที่มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศชิลี เปรู และโบริเวีย ทวีปอเมริกาใต้ เช่นเดียวกับหนูตะเภาที่มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาใต้ โดยพื้นที่อยู่อาศัยของพวกมันจะอยู่บริเวณเทือกเขาแอนดีสซึ่งจะมีอุณหภูมิที่ค่อนข้างหนาวจัด จึงทำให้ชินชิล่ามีลักษณะขนที่นุ่มฟู และหนาเป็นพิเศษ ต่อมาชินชิล่าถูกนำเข้ามายังยุโรป ดินแดนที่คนนิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยง จนทำให้มันได้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย และเกือบสูญพันธุ์จากการล่าของมนุษย์ แต่ในปี ค.ศ.1922 มัทธีอัส เอฟ. แชปแมน ได้เป็นผู้ริเริ่มที่จะเพาะเลี้ยงชินชิล่าเพื่อที่จะอนุรักษ์สายพันธุ์ของมัน และก็ทำสำเร็จในที่สุด

ลักษณะนิสัยของเจ้าชินชิล่า

นอกจากนี้ในส่วนของลักษณะนิสัย และอาหารของชินชิล่า โดนส่วนใหญ่แล้ว หนูชินชิล่า นิสัย จะค่อนข้างน่ารัก ไม่กัด มีความกระตือรือร้น ขี้สงสัย ชอบสำรวจ ชอบกัดแทะ ดังนั้นผู้เลี้ยงจึงควรเลี้ยงมันในกรงเนื่องจากอาจจะทำให้ข้าวของในบ้านเสียหายได้ และที่สำคัญไม่ดุร้ายเว้นแต่จะมีความโกรธ หรือผิดกลิ่นของคนแปลกหน้าหรือสัตว์อื่นเข้าใกล้

อาหารที่ควรให้

ต่อมาในส่วนของอาหาร สำหรับใครที่สงสัยว่า หนูชินชิล่า กินอะไร เราต้องขอบอกเรื่องของอาหารชินชิล่าไม่ได้เป็นเรื่องที่น่ากังวลสักเท่าไร เนื่องจากสัตว์ชนิดนี้กินค่อนข้างง่าย และหาซื้อได้ง่ายเช่นกัน โดยอาหารของพวกมันจะเน้นไปที่หญ้าแห้ง เช่น หญ้าธิโมที, หญ้าอัลฟาฟ่า, หญ้าเฮย์, หญ้าออร์ชาร์ด, ต้นข้าวสาลี และหญ้าโบตานิคอล หรือจะเป็นอาหารจำพวกผลไม้ และผักอบแห้ง รวมไปถึงอัลมอนด์ และลูกเกดที่ไม่ผ่านการปรุงรส เป็นต้น

ราคา และฟาร์มเพาะเลี้ยงชินชิล่า ในเมืองไทย

สำหรับใครที่สนใจอยากเลี้ยง ชินชิล่า และอยากลองหาซื้อมาเลี้ยง แต่ยังไม่ทราบข้อมูลในส่วนของราคา และฟาร์ม วันนี้เราได้ค้นหาข้อมูลเหล่านั้นมาให้กับทุกคนที่สนใจแล้ว โดยในส่วนของราคา ชินชิล่าราคา มีตั้งแต่หลักพัน ไปจนถึงหลักหมื่น โดยส่วนใหญ่จะพบเห็นได้ในราคาราว ๆ 6,000 – 18,000 บาท หรืออาจจะสูงกว่านั้นต่อมาคือในส่วนของ ฟาร์มชินชิล่าหาได้ไม่อยากนัก แต่เราคัดมาแนะนำให้กับเพื่อน ๆ ทั้งหมด 2 แห่งด้วยกัน ได้แก่ Fairychin พุทธมณทล สาย 2 และ KB Rabbit And Chinchilla สวนจตุจักร ซึ่งหากเพื่อน ๆ สะดวกเดินทางไปที่ไหน ก็สามารถเข้าไปติดต่อสอบถามกับทางร้านได้เลย

Categories
หมา

เยอรมันเชพเพิร์ด สุนัขที่ทั้งฉลาด และซื่อสัตย์จนกลายเป็นหมาผู้พิทักษ์

เยอรมันเชพเพิร์ด สุนัขสายพันธุ์ใหญ่ที่มีรูปร่างสวย สง่า และซื่อสัตย์จนหลาย ๆ คนเลี้ยงไว้ทั้งเป็นเพื่อน และใช้งาน โดยเฉพาะในฟาร์มแกะในต่างประเทศ หรือหน่วยงานใหญ่เช่นตำรวจและทหาร ซึ่งสุนัขสายพันธุ์นี้ค่อนข้างมีความดุร้าย และรักเจ้าของเป็นอย่างมาก ดังนั้นผู้ที่เลือกเลี้ยงจึงควรเลี้ยงในพื้นที่ที่มีรั้วรอบครอบชิด และมีพื้นที่พอสมควรเพื่อให้สุนัขไม่เกิดความเครียดนั่นเอง

อยากเลี้ยง เยอรมันเชพเพิร์ด ควรศึกษาข้อมูลเบื้องต้นก่อนเลี้ยง

เยอรมันเชพเพิร์ดหรือที่หลาย ๆ คนมักจะเรียกว่า “อัลเซเชียน” เป็นสุนัขที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศเยอรมนี ที่มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1899 ด้วยลักษณะนิสัย และรูปร่างที่ดูปราดเปรียวของสุนัขสายพันธุ์นี้จึงทำให้ถูกฝึกให้ช่วยงานทองทัพทหาร และตำรวจในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย

นิสัยของเยอรมันเชพเพิร์ด

อย่างที่เราได้เกริ่นไปก่อนหน้าแล้วว่าด้วยลักษณะนิสัย และลักษณะทางกายภาพของเยอรมันเชพเพิร์ดจึงทำให้พวกมันเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ที่มนุษย์มักจะเลือกไว้ช่วยงานบางส่วน โดยเยอรมันเชพเพิร์ด นิสัย ที่โดษเด่นของสุนัขสายพันธุ์นี้คือ ฉลาด (อันดับต้น ๆ รองจากคอลลี่และพุดเดิ้ล), ซื่อสัตย์ รักเจ้าของ และรักความสันโดด แต่ด้วยนิสัยเหล่านี้ของเขาผู้เลี้ยงจึงควรให้เขาอยู่ห่างจากคนแปลกหน้า เช่นเพื่อน ๆ ของผู้เลี้ยงที่ไม่ได้มีความใกล้ชิดกับมัน ซึ่งนิสัยรักเจ้าของและหวงที่จึงทำให้หลาย ๆ คนเลือกสุนัขสายพันธุ์นี้ไว้เฝ้าบ้าน เป็นสุนัขนำทาง หรือช่วยงานทหาร และตำรวจ เป็นต้น

อาหารที่เหมาะกับเยอรมันเชพเพิร์ด

สำหรับใครที่สงสัยว่าเยอรมันเชพเพิร์ด กินอะไร วันนี้เราได้นำข้อมูลเหล่านั้นมาให้ทุกคนแล้ว เนื่องจากสุนัขสายพันธุ์นี้เป็นพันธุ์ใหญ่ และมีน้ำหนักตัวราว ๆ 22 – 40 กิโลกรัม ดังนั้นควรให้อาหารในปริมาณที่เพียงพอ ซึ่งให้เป็นอาหารเม็ด 1 ½ – 2 ถ้วยต่อมื้อ และให้ 2 เวลาต่อวัน หรือให้อาหารบาร์ฟ หรืออาหารประเภทปรุงสุก ซึ่งหากเลือกอาหารคุณภาพสูง และเป็นสูตรเฉพาะของเยอรมันเชพเพิร์ดก็จะเป็นสิ่งที่ดีเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้สุนัขสายพันธุ์นี้จะมีโรคประจำสายพันธุ์ เช่น โรคระบบประสาท, โรคระบบทางเดินอาหาร หรือ โรคระบบโครงกระดูก ข้อต่อ และโครงสร้าง เป็นต้น ดังนั้นการดูแลเรื่องของอาหารให้ดี มีมาตรฐาน และหมั่นดูแลเรื่องอาหารเสริมของน้องหมาอยู่เสมอ ก็จะทำให้ความเสี่ยงที่จะเกิดโรคเหล่านี้ลดลงได้

ฟาร์ม และราคาของเยอรมันเชพเพิร์ด ที่เราอยากแนะนำ

สำหรับใครที่อยากเลี้ยงเจ้าเยอรมันเชพเพิร์ด แต่ยังไม่ทราบข้อมูลในส่วนของราคา และฟาร์มเพาะเลี้ยง วันนี้เว็บไซต์ของเราได้หาข้อมูลเหล่านั้นมาให้กับทุกคนแล้ว โดย เยอรมันเชพเพิร์ด ราคา 2021 มาเกณฑ์ราคาอยู่ที่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่นบาท หรือราว ๆ 5,000 – 20,000 บาทเท่านั้น แต่หากเป็น เยอรมันเชพเพิร์ด สีขาว ราคา จะมีตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึง 120,000 บาทเลยทีเดียว

ฟาร์มเยอรมันเชพเพิร์ด

สำหรับใครที่กำลังตามหาฟาร์ม และไม่อยากเดินทางไกล เราแนะนำให้ลองค้นหาคำว่าฟาร์มเยอรมัน เชพเพิร์ดใกล้ฉัน” ก็อาจจะช่วยให้คุณสามารถค้นหาฟาร์มที่อยู่ใกล้ ๆ ได้ง่าย ๆ แต่หากใครที่กำลังหาฟาร์มที่ตอบโจทย์ของตัวเอง เราขอแนะนำ 3 ฟาร์มเยอรมันเชพเพิร์ด โดยมีทั้งหมดดังนี้

  1. กุสุมาลย์ฟาร์ม http://www.kusumanfarm.com/

ฟาร์มเยอรมันเชพเพิร์ดชื่อดังของจังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของสมาคมผู้เลี้ยงสุนัขเยอรมันเชพเพิร์ด และหากต้องการลูกสุนัขจะต้องทำการจองล่วงหน้าก่อน

ฟาร์มสุนัขจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะต้องจองลูกสุนัขก่อน เพราะฟาร์มค่อนข้างเป็นที่รู้จัก และมีพ่อแม่พันธุ์สายพันธุ์ดี อีกทั้งยังมีรีวิวเป็นจำนวนมาก

ฟาร์มเยอรมันเชพเพิร์ดในอำเภอสิชล ที่ใครสนใจอาจจะต้องสั่งจองไว้ก่อน แต่ล่าสุดพ่อและแม่พันธุ์พึ่งมีการผสมพันธุ์เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2565 ที่ผ่านมาดังนั้นใครที่อยู่ทางภาคใต้ และสนใจอยากได้ลูกหมาก็สามารถลองติดต่อสอบถามเข้าไปก่อนได้เลย

Categories
หมา

พิทบูล สุนัขหน้าร้ายแต่ใจดีที่ใครๆก็ต่างหลงรัก

ในช่วงศัตวรรษที่ 19ผู้ที่นิยมเลี้ยงใน*สุนัขประเทศอังกฤษ ไอซ์แลนด์ และสก็ฮตแลนด์ได้เริ่มผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ระหว่างบลูด็อกตัวที่สวยที่สุดกับสุนัขเทอร์เรียที่มีความกล้าหาญและดีที่สุดเข้าด้วยกันจนเกินมาเป็นสุนัขพันธุ์ บลูเทอร์เรีย หรืออเมริกัน พิทบูล นั้นเองค่ะ จึงเป็นสุนัขที่มีความกล้าหาญแข็งแกร่งและโอนโยนต่อคนที่มันรักนั่นเองค่ะ

ทำความรู้จัก เจ้า พิทบูล สนัขแสนกล้าหาญตัวนี้ให้มากขึ้น

ลักษณะรูปลักษณ์ของ พิทบูล

มีขนาดรูปร่างที่ปานกลาง มีกล้ามเนื้อที่เด่นชัดมาก ขนสั้นเรียบเงาวาว ตัวเมียนั้นจะมีรูปร่างยาวกว่าตัวผู้หัวมีความยาวปานกลางกว้างส่วนกะโหลกนั้นแบนเรียบมีขากรรไกรที่แข็งแรงและใหญ่มากหูเล็กตั้งหางสั้นชี้ลง โคนหางใหญ่ สุนัขสายพันธุ์ อเมริกัน พิทบูล มีทุกสีและมีทุกลายค่ะสุนัขพันธุ์นี้มีกล้ามเนื้อที่กระฉับกระเฉงและสง่างามเป็นอย่างมาก

ลักษณะนิสัยโดยส่วนมากของเจ้าสุนัขพิทบลู

เป็นสุนัขที่มีความแข็งแกร่งมีความเชื่อมั่นในตัวของตัวเอง มีความอยากรู้อยากเห็นต่อสิ่งรอบๆตัวของมัน มีความกระฉับกระเฉงความคล่องตัวที่ดีเลิศเป็นสุนัขที่เต็มไปด้วยพละกำลัง ฉลาด ซื่อสัตย์ มีความที่จะกระตือรือร้นในการปฎิบัติหน้าที่ มีความเป็นจ่าฝูงอย่างมากเป็นมิตรต่อคนในครอบครัว รักเด็ก แต่จะชอบแสดงความกล้าหาญต่อหน้าสุนัขตัวอื่นค่ะ  ถ้าถามว่าพิทบูล ดุ หรือไม่บอกเลยว่าขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูการรู้จักควบคุมนิสัยของเขาค่ะ แต่โดยส่วนมากเขาจะเป็นสุนัข พิทบลู ใจดี กับเจ้าของอย่างแน่นอนค่ะ

การดูแลเลี้ยงดู

 เคล็ดลับสำหรับการเลี้ยงพิทบลูนั้นหากเจ้าสุนัขทำผิดให้รีบดุแล้วเรียกกลับเข้ากรงทันทีเป็นการลงโทษค่ะ ต้องฝึกให้เค้านั้นรู้จักเข้าสังคมพาไปเดินสวนสาธารณะบ้าง ให้รู้จักคนเยอะๆและพยายามฝึกให้เค้ารู้ว่าใครคือมิตรใครคือศัตรูหากว่าเค้าหลุดออกจากคนกรงนั้นเวลากัดจะได้กัดถูกคนนั่นเอง เพื่อไม่ให้เค้าเป็น พิทบูล สายกัดนะคะ สุนัขพันธุ์พิทบลู ต้องการเจ้าของที่มีความเป็นจ่าฝูงเพื่อให้เค้าเชื่อถือว่าสามารถคุมเค้าอยู่ได้ ต้องมีเวลาที่จะฝึกผนเค้าอย่างสม่ำเสมอด้วยนะคะ

การให้อาหาร

ควรฝึกให้เค้ากินอาหารในจานไม่ควรให้กินอาหารบนพื้นเพื่อเป็นการฝึกป้องกันจากผู้ไม่หวังดีที่อาจจะวางยาสุนัขได้ ส่วนคำถามที่ว่า พิทบูล กินอะไร อาหารที่ให้เจ้าสุนัขพิทบลู จะต้องกินอาการที่มีแคลอรี่และโปรตีนมากกว่าสุนัขทั่วไปเพราะเป็นสุนัขที่ค่อนข้างใช้พลังงานต่อวันมากกว่าตัวอื่นนั้นเอง

บอกต่อแหล่งหาซื้อเจ้าพิทบลูพร้อมราคา

ไขข้อสงสัย พิทบลูตัวละเท่าไร

ราคาของเจ้าพิทบลูนั้นขึ้นอยู่กับการเลือกซื้อแต่ละสายพันธุ์มีตั้งแต่ราคา 2000 บาท จนถึง 50000 บาท ขึ้นอยู่กับลักษณะ สี ความสง่างามของแต่ละตัว

 พิทบลูหาซื้อที่ไหน?

ต้องบอกเลยว่าแหล่งซื้อขายเจ้าสุนัขพิทบูลนั้น มีมากมายหลายที่ทั้งตามตลาดขายสัตว์ต่างๆ หรือตามหน้าเพจต่างๆทางเฟสบุ๊คโดยจะมีร้านที่แนะนำคือ 1. PRICEZA 2.108 DOG 3.DOGILIKE MARKETPLACE เป็นต้น หรือจะแอพซื้อขายระดังประเทศอย่างSHOPEE หรือ LAZADA ก็ได้นะคะ

Categories
หมา

บูลด็อก สุนัขที่มาพร้อมใบหน้าเป็นเอกลักษณ์แต่นิสัยน่ารักแบบสุด ๆ

หากพูดถึงสุนัขที่คนในหลาย ๆ ประเทศรวมถึงประเทศไทยเรานิยมเลี้ยง บูลด็อก ก็นับว่าเป็นหนึ่งในสายพันธุ์สุนัขที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ เพราะด้วยนิสัยที่น่ารักของน้องหมาสายพันธุ์นี้ บวกกับรูปร่างปุ๊กลุกของมัน จึงทำให้เราไม่สามารถปฏิเสธเสน่ห์ของสุนัขสายพันธุ์นี้ได้เลย

บูลด็อกสุนัขที่มีต้นกำเนิดของสายพันธุ์มามากกว่า 700 ปี

บูลด็อกหนึ่งในสุนัขที่มีใบหน้าและรูปร่างเป็นเอกลักษณ์เป็นอย่างยิ่ง แต่ก็มีหลาย ๆ คนที่มักจะสับสนเนื่องจากสุนัขในกลุ่มบูลด็อกนั้นมีทั้งหมด 10สายพันธุ์และที่เราคุ้นชื่อกันดีเช่น อิงลิช (บริติช) บูลด็อก, เฟรนช์ บลูด็อก และ อเมริกัน บูลด็อก แต่หากนำมาเปรียบเทียบกันจริง ๆ จะเห็นได้ว่าสุนัขทั้งหมดนี้ ค่อนข้างจะมีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก ซึ่งเราจะอธิบายให้คุณได้ทราบกันค่ะ

ประวัติบูลด็อก

บูลด็อกเป็นสุนัขที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่พัฒนามาจากสุนัขสายพันธุ์มาสทิฟฟ์ ซึ่งเป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1630 บูลด็อกก็ได้รับการรับรองชื่อสายพันธุ์ แต่ในยุคแรกรูปร่างของมันไม่ได้เป็นเช่นนี้ เนื่องจากปัจจัยที่ทำให้มีการพัฒนาสายพันธุ์มาจากความต้องการที่จะให้บูลด็อกสู้กับกระทิง แต่ภายหลังการกระทำเช่นนี้นับว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และเมื่อเวลาผ่านไปรูปร่างของมันก็เป็นดังในปัจจุบันที่เราคุ้นตากันเป็นอย่างดี

ลักษณะทั่วไปของบูลด็อก

อย่างที่เราได้เกริ่นไปในข้างต้นว่า หลายคนมักจะสับสนว่าสุนัขพันธุ์บูลด็อกซึ่งเป็น บลูด็อกอิงลิช นั้นมีลักษณะเป็นอย่างไร โดยลักษณะภายนอกที่โดดเด่นของบูลด็อกนั้นคือใบหน้าที่เหี่ยวย่น ขากรรไกรใหญ่ ปากมีความโค้งเห็นได้ชัด จมูกสั้น ใบหูตก และตัวมันจะมีกล้ามเนื้อที่ค่อนข้างใหญ่ แต่จะมีลำตัวที่สั้น เตี้ย ที่สำคัญคือบางตัวที่อยู่ในวัยโตเต็มวัยมักจะมีฟันล่างที่ยื่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด

ลักษณะนิสัย

ในส่วนของลักษณะ นิสัยบูลด็อก บลูด็อกเป็นสุนัขที่มีนิสัยที่เชื่อง แต่มีความดื้อรั้นเป็นพิเศษ ดังนั้นเขาจึงจะไม่ค่อยทำตามคำสั่งของเราเท่าไร คล้ายกับเป็นลูกสุนัขตลอดเวลา แต่บลูด็อกจัดว่าเป็นสุนัขที่เข้ากับเด็กได้ง่าย ร่าเริง ขี้เล่น ดังนั้นผู้ที่เลี้ยงจึงควรระวังการเกิดฮีทสโตรก ในสุนัขสายพันธุ์นี้เป็นพิเศษ

ราคา และร้านขายบลูด็อก ที่เราอยากแนะนำ

สำหรับใครที่อยากเลี้ยง บลูด็อก แต่ยังไม่ทราบข้อมูลในส่วนของราคา หรืออยากรู้ว่าบูลด็อก ราคาเท่าไหร่ และฟาร์ม หรือร้านขายลูกหมาบูลด็อกในไทยมีร้านไหนที่ได้รับมาตรฐาน วันนี้เราได้หาคำตอบเหล่านั้นมาให้ทุกคนแล้วค่ะ โดย อิงลิชบูลด็อกราคา อยู่ที่ประมาณหลักพัน ไปจนถึงหลักแสน หรือราว ๆ 5,000 – 500,000 บาท หรืออาจจะสูงกว่านั้น ขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัย

ฟาร์มบูลด็อกแนะนำ

สำหรับใครที่อยากได้ลูกหมาบูลด็อกน่ารัก ๆ วันนี้เรามี 3 ฟาร์มเพาะเลี้ยงลูกหมาบูลด็อกมาแนะนำค่ะ โดยมีทั้งหมดดังนี้

  1. Klomdig’s Bulldog https://www.facebook.com/Klomdigbulldog/

ฟาร์มบูลด็อกชื่อดังในกรุงเทพมหานคร ที่จำหน่ายตั้งแต่พ่อแม่พันธุ์ไปจนถึงลูกหมา ซึ่งนอกจากฟาร์มจะสะดวกและได้มาตรฐานและ พ่อแม่พันธุ์ยังเรียกได้ว่าเป็นระดับแชมป์เลยทีเดียว โดยราคาลูกบูลด็อกจากฟาร์มนี้มีตั้งแต่ 25,000 ไปจนถึงหลักแสนบาทเลยทีเดียว

ทัศเทพฟาร์ม ฟาร์มบลูด็อกขอนแก่น ที่มีลูกสุนัขให้เลือกหลายสายพันธุ์รวมไปถึงบูลด็อกด้วย โดยฟาร์มค่อนข้างมีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักเป็นอย่างมาก ที่สำคัญทางฟาร์มมีบริการส่งด้วย

ฟาร์มบูลด็อกในจังหวัดลำพูน ที่มีลูกหมาน่ารัก ๆ และที่สำคัญทางฟาร์มดูแลอย่างดี น้องหมาไม่มีความเครียดดังนั้นหากใครที่สนใจสามารถเข้าไปสอบถามในเฟซบุ้ก หรือเบอร์โทรที่ทางฟาร์มให้ไว้ในหน้าเฟซบุ๊กได้เลยค่ะ