Categories
Uncategorized

แพะแคระ สัตว์เลี้ยงตัวน้อยที่สามารถเลี้ยงในบ้านได้เหมือนน้องหมาน้องแมว

แพะแคระ

แพะแคระ หนึ่งในสัตว์ที่ถูกพัฒนาสายพันธุ์ให้กลายมาเป็นสัตว์ที่มีขนาดตัวเล็กกว่าแพะทั่วไป ซึ่งแพะแคระนั้นมีหลากหลายสายพันธุ์ด้วยกัน ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละฟาร์มจะเน้นเพาะพันธุ์แพะแคระชนิดใดเป็นหลัก นอกจากนี้ด้วยความที่แพะมีขนาดของตัวที่เล็กลง ก็ทำให้หลาย ๆ คนมองว่าจุดนี้นั้นเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของมัน และทำให้หลายคนเลือกที่จะเลี้ยงแพะแคระเป็นสัตว์เลี้ยงคู่ใจ ไม่ต่างจากน้องหมา หรือแมวเลยก็ว่าได้

แพะแคระ

แพะแคระ เลี้ยงไม่ยากอย่างที่คิด เพราะน้องสามารถกินได้ทุกอย่าง

แพะแคระ นับว่าเป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติ และในไทยก็เริ่มได้รับความนิยมเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ในฟาร์ม หรือสวนสัตว์ขนาดเล็กก็เริ่มนิยมนำสัตว์ชนิดนี้มาเลี้ยง และนำมาโชว์ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสเช่นเดียวกัน ซึ่งแพะแคระที่นิยมเลี้ยงกันนั้นก็มีอยู่หลากหลายสายพันธุ์ เช่น แพะแคระไนจีเรีย และ แพะแคระมินิปิ๊กมี่ เป็นต้น

วิธีเลี้ยงแพะแคระในบ้าน

แพะแคระเลี้ยง ได้ทั้งในและนอกตัวบ้าน ซึ่งสำหรับใครที่อยากเลี้ยงน้องไว้ในบ้านเราแนะนำให้เลือกเลี้ยงเป็นแพะแคระสายพันธุ์มินิปิ๊กมี่ เนื่องจากเป็นแพะแคระที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ โดยการดูและหลัก ๆ จะมีดังต่อไปนี้

  • อาหาร

แพะเป็นสัตว์ที่กินพืชได้หลากหลาย หรือกินแบบแหลกลาญเลยก็ว่าได้ แต่สำหรับอาหารที่ควรให้เป็นอาหารหลักเราแนะนำให้เป็นหญ้า ซึ่งอาจจะให้เป็นหญ้าแห้ง หรือหญ้าสดก็ได้ แต่หากเป็นการเลี้ยงในบ้านหญ้าแห้งอาจจะเหมาะมากกว่า เพราะด้วยนิสัยของแพะค่อนข้างที่จะกินอาหารได้เละเทะพอสมควร นอกจากนี้แล้ว คุณยังสามารถเสริมด้วยธัญพืชต่าง ๆ เช่นข้าวโพดแห้ง ข้าวโอ๊ตแห้ง และ ข้าวบาร์เลย์แห้ง เป็นต้น

  • แปรงขนและอาบน้ำ

การแปรงขนและอาบน้ำให้กับแพะแคระนับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยการแปรงขนควรแปรงในทุก ๆ วัน วันละ 1 ครั้ง และสำหรับการอาบน้ำนั้นค่อนข้างจำเป็นเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากแพะที่เลี้ยงในบ้านจะค่อนข้างใกล้ชิดกับคน ดังนั้นเราจึงแนะนำให้อาบน้ำให้กับแพะอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง

  • ฉีดวัคซีนประจำปี

วัคซีนนับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญกับสัตว์ทุกชนิด โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้คน เนื่องจากแบคทีเรีย หรือไวรัสบางชนิดนั้นสามารถแพร่มาถึงคนได้ ดังนั้นใครที่เลี้ยงแพะแคระจึงควรพาน้องไปหาหมอ เพื่อรับวัคซีนและตรวจร่างกายต่าง ๆ จะเป็นผลดีสำหรับทั้งผู้เลี้ยงและแพะของเรา

แพะแคระ

อยากเป็นเจ้าของน้องแพะแคระตัวเล็กน่ารัก ต้องเตรียมค่าตัวน้องเท่าไร?

               สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากเลี้ยงแพะแคระและอยากทราบว่า แพะแคระราคาเท่าไร วันนี้เว็บไซต์ของเราได้หาคำตอบเหล่านั้นมาให้กับทุกคนแล้ว โดย แพะแคระมินิปิ๊กมี่ ราคา จะอยู่ที่ประมาณ 10,000 – 60,000 บาท ซึ่งราคาของตัวผู้จะค่อนข้างถูกกว่าตัวเมีย และสำหรับ แพะแคระไนจีเรียราคา ก็จะอยู่ในเกณฑ์เดียวกันนี้ ดังนั้นเพื่อน ๆ ชื่นชอบแพะแคระสายพันธุ์ไหนก็สามารถหาซื้อมาเลี้ยงได้ตามความชอบเลย

แพะแคระ

ข้อควรรู้ก่อนซื้อแพะแคระมาเลี้ยง

               แม้ว่าแพะแคระจะมีลักษณะตัวที่เล็กกว่าแพะสายพันธุ์ทั่วไป แต่สำหรับสัญชาตญาณของแพะชนิดนี้ก็เรียกได้ว่าแทบจะไม่แตกต่างจากแพะสายพันธุ์อื่น ๆ เช่นเรื่องของการชอบอยู่ในที่สูง สำหรับใครที่เคยเห็นคอกแพะจะเห็นได้ว่าคอกของมันจะมีลักษณะของการยกพื้นสูง ซึ่งจะแตกตากวัว ควาย หรือ ม้า แพะแคระก็เช่นกันดังนั้นหากใครที่เลี้ยงน้องในบ้าน หรือในนอนอาจจะต้องทำใจ เพราะน้องจะปีนหรือกระโดดไปอยู่บนเตียงนอน โต๊ะทำงาน หรือโซฟาของคุณอย่างแน่นอน และสิ่งที่ตามมาคือน้องอาจจะอึ (อุจจาระ) บนเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ เหล่านั้นอย่างแน่นอน

สนับสุนนโดย https://pgslot-89.com/ pg slot ค่ายเกมส์สล็อตออนไลน์สุดฮิต เล่นง่าย จ่ายจริง https://pgslot-89.com/

Categories
ชูก้าไรเดอร์

พันธุ์หนูแฮมสเตอร์ เจ้าหนูน้อยตัวเล็ก ที่ไม่ได้น่ารักแค่ตอนกิน

พันธุ์หนูแฮมสเตอร์

พันธุ์หนูแฮมสเตอร์ ที่มีอยู่ในปัจจุบันนั้นมีหลากหลายสายพันธุ์ด้วยกัน โดยแฮมสเตอร์นั้นจะจัดอยู่ในวงศ์ย่อย Cricetinae ซึ่งในวงศ์นี้จะมีแฮมสเตอร์อยู่ด้วยกันหลากหลายสายพันธุ์ หลายชนิดด้วยกัน ซึ่งแต่ละสายพันธุ์จะมีทั้งชนิดแคระ และไซส์ทั่วไป รวมไปถึงยังจะมีสีที่เป็นเอกลักษณะเฉพาะของแต่ละสายพันธุ์ ซึ่งจะมีสายพันธุ์ใดที่น่ารัก และน่าสนใจบ้าง เราจะมาแนะนำให้ทุกคนได้ทราบกัน

พันธุ์หนูแฮมสเตอร์ 3 สายพันธุ์ที่ทั้งน่ารัก และได้รับความนิยมสูง

            พันธุ์หนูแฮมสเตอร์ที่นิยมเลี้ยงในทั้งในและในต่างประเทศนั้นมีอยู่หลายสายพันธุ์ด้วยกัน และสำหรับวันนี้เราจะมายกตัวอย่าง 3 พันธุ์หนูที่นิยมเลี้ยง ในไทย และที่สำคัญยังน่ารักไม่เบา โดยมีสายพันธุ์ต่าง ๆ ดังนี้

พันธุ์หนูแฮมสเตอร์
  • ซีเรียนแฮมสเตอร์

ซีเรียนแฮมสเตอร์ หรือ ไจแอนท์แฮมสเตอร์ (Syrian Hamster) เป็นหนูแฮมสเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่ของหนูแฮมสเตอร์ นอกจากนี้ในส่วนลักษณะนิสัยของน้องยังค่อนข้างที่จะเชื่อง และเป็นมิตร ดังนั้นเจ้าของจึงสามารถอุ้ม และกอดน้องได้สบาย ๆ  

พันธุ์หนูแฮมสเตอร์
  • วินเทอร์ไวท์

แฮมสเตอร์ พันธุ์วินเทอร์ไวท์ หรือ Dwarf winter white Russian hamster หนูแฮมสเตอร์แคระ ซึ่งนับว่าเป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ โดยสายพันธุ์จะมีสีหลัก ๆ คือ สีขาว, สีเทาสีน้ำตาล และสีดำ เป็นต้น และลักษณะนะเฉพาะตัวและกลายมาเป็นชื่อของหนูสายพันธุ์นี้เกิดจากการที่เมื่อถึงฤดูหนาว (Winter) แฮมสเตอร์จะทำการผลัดขน และขนของมันจากที่มีสีเข้มก็จะกลายเป็นสีขาวทั้งตัว

พันธุ์หนูแฮมสเตอร์
  • โรโบรอฟากี

หนูแฮมสเตอร์พันธุ์โรโบ หรือ Dwarf Roborovski Hamster หนูแฮมสเตอร์แคระ ที่มีขนาดเล็กที่สุดให้หมู่ของหนูแฮมสเตอร์แคระเลยก็ว่าได้ และด้วยความเล็กของน้องนี่เองก็ทำให้น้องการเป็นตัวจี๊ดสุดแสบที่ทำให้เจ้าของปวดหัวมาแล้วหลายต่อหลายคน เนื่องจากน้องมีความว่องไวเป็นที่หนึ่ง ทำให้กว่าจะจับตัวน้องได้แต่ละทีก็ทำเอาเหนื่อยกันเลยทีเดียว

ราคาของหนูแฮมสเตอร์แต่ละสายพันธุ์ที่มีเงินหลักร้อยก็สามารถซื้อน้องมาเลี้ยงได้แล้ว

            อย่างที่เราได้กล่าวไปในข้างต้นแล้วว่าพันธุ์หนูแฮมสเตอร์ นั้นมีหลายสายพันธุ์ ซึ่ง หนูแฮมเตอร์ แต่ละสายพันธุ์ก็จะมีราคาที่แตกต่างกันออกไป โดยราคาของหนูแฮมสเตอร์สายพันธุ์ต่าง ๆ มีดังนี้

  • หนูแฮมเตอร์พันธุ์ไจแอนท์ ราคา จะอยู่ที่ประมาณ 100 – 2,000 บาท
  • แฮมสเตอร์พันธุ์วินเทอร์ไวท์ ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 100 – 1,000 บาท
  • หนูแฮมสเตอร์พันธุ์โรโบ ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 100 – 1,000 บาท
พันธุ์หนูแฮมสเตอร์

แฮมสเตอร์เป็นสัตว์ขี้เบื่อ ดังนั้นผู้เลี้ยงควรสังเกตอย่างใกล้ชิด

            สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่เป็นมือใหม่ในการเลี้ยงหนูแฮมสเตอร์ ซึ่งไม่ว่าจะเป็น พันธุ์หนูแฮมสเตอร์ สายพันธุ์ใดก็แล้วแต่ จะมีลักษณะนิสัยพื้นฐานคือ เป็นสัตว์ที่ค่อนข้างเบื่อง่าย และเมื่อน้องเบื่อ หรือเริ่มเครียด น้องก็เริ่มที่จะกัดกรง ซึ่งเราแนะนำให้ลองเปลี่ยนตำแหน่งการวางกรงของน้องรวมไปถึงอาจจะมีการหาของเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้น้องได้เล่นเพื่อแก้เบื่อ แต่สำหรับใครที่เป็นกังวลไม่อยากให้น้องมีความเครียดหนัก และเกิดอาการอื่น ๆ ตามมา เราแนะนำให้พาน้องไปพบแพทย์ และปรึกษาแพทย์จะดีที่สุด

สนับสนุนโดย https://slot-allbet.com/ แหล่งรวม pg slot หรือ พีจีสล็อต https://slot-allbet.com/pg-slot-or-pg-slot/

Categories
Uncategorized

กุ้งแคระ กุ้งน้ำจืดตัวเล็ก น่ารัก สีสัน Colorful

กุ้งแคระ

กุ้งแคระ เป็นกุ้งน้ำจืดขนาดเล็ก แต่มีสีสันที่หลากหลาย ซึ่งนับว่าเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของกุ้งสายพันธุ์นี้เลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ในส่วนของถิ่นกำเนิดของกุ้งแคระยังมีถิ่นมาจากแหล่งน้ำจืดของจีนตะวันออกและถูกนำเข้าไปยังไต้หวัน ญี่ปุ่น ฮาวาย รวมไปถึงประเทศไทย เป็นต้น ดังนั้นสำหรับใครที่อยากลองเลี้ยงกุ้งชนิดนี้เราจึงอยากจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับข้อมูลต่าง ๆ ของกุ้งชนิดนี้ก่อนว่าควรตัดสินใจเลี้ยงดีหรือไม่

กุ้งแคระ

กุ้งแคระ เลี้ยงไม่ยาก แค่ต้องสร้างระบบนิเวศในตู้ในสมบูรณ์ก่อนเลี้ยง

กุ้งแคระเป็นสัตว์เลี้ยงที่สามารถพบเห็นได้จากแหล่งน้ำที่มีความสะอาดและอุดมสมบูรณ์ ดังนั้นใครที่จะเลี้ยงกุ้งชนิดนี้จึงควรจำลองระบบนิเวศในตู้ให้มีความใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด

วัสดุที่ควรมีในการเลี้ยงกุ้งแคระ

  1. ตู้เลี้ยงกุ้งแคระ แนะนำให้เลี้ยงกุ้งชนิดนี้ในตู้กระจกเนื่องจากจะทำให้เราสามารถมองเห็นกุ้งตัวน้อยของเราในตู้ รวมไปถึงจะทำให้เราสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ภายในตู้ได้ง่ายยิ่งขึ้น
  2. ดินเลี้ยงกุ้งแคระ ดิน หรือหินสำหรับเลี้ยงกุ้งแคระ นับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญและขาดไม่ได้ เนื่องจากดินมีคุณสมบัติที่ช่วยลดค่า Hp ของน้ำ เนื่องจากน้ำที่ใช้สำหรับเลี้ยงกุ้งนั้นควรมีค่า Hp ที่เหมาะสม และที่สำคัญดินยังมีแร่ธาตุที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของกุ้งอีกด้วย
  3. ต้นไม้น้ำ การเลี้ยงสัตว์น้ำหลาย ๆ ชนิดต้นไม้น้ำนับว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากการใช้ต้นไม้น้ำนั้นจะเป็นการจำลอง หรือการเลียนแบบธรรมชาติ ดังนั้นการปลูกไม้น้ำในตู้ของเรานั้นจะเป็นการจำลองระบบนิเวศในตู้ให้เหมือนธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
  4. เครื่องผลิตออกซิเจน สำหรับการเลี้ยงกุ้งแคระ หรือ กุ้งเชอร์รี่ เครื่องผลิตออกซิเจนอาจจะไม่จำเป็นเสมอไป ในกรณีที่ตู้ของเรามีความสมดุลแล้ว แต่หากใครที่เป็นมีใหม่ เครื่องผลิตออกซิเจนก็อาจจะเป็นอุปกรณ์อีกอย่างหนึ่งที่เราแนะนำอยากให้ใช้เป็นอย่างยิ่ง
กุ้งแคระ

กุ้งแคระราคา หลักสิบ แถมนำมาเลี้ยงเพื่อต่อยอดเป็นอาชีพได้ด้วย

            สำหรับการเลี้ยงกุ้งแคระ นั้น สิ่งหนึ่งที่ควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือเรื่องของระบบนิเวศในตู้ นั่นจึงหมายความว่าผู้ที่จะเลี้ยงกุ้งจึงต้องให้เวลา และใจเย็นมากพอสมควร ซึ่งจากการสอบถามผู้ที่เพาะพันธุ์กุ้งชนิดนี้ขายเป็นอาชีพบอกว่าหากอยากให้ระบบนิเวศของน้ำมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นควรมีการนำปลาตัวเล็ก (ปลาที่ไม่กินกุ้ง) มาเลี้ยงในบ่อก่อนเป็นเวลาสัก 1 – 2 สัปดาห์ และเมื่ออุณหภูมิของน้ำอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม (25 – 28 องศาเซลเซียส) ระบบภายในตู้มีความคงที่ จึงค่อยปล่อยกุ้งแคระ เลี้ยงกับปลา ที่ปล่อยไปก่อนหน้านี้ หรือใครที่อยาก เลี้ยงกุ้งแคระ กับ ปลาหางนกยูง ก็สามารถทำได้เช่นกัน นอกจากนี้ในส่วนของราคา กุ้งแคระก็มีราคาที่ไม่สูงมากนัก โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณตัวละ 10 บาทเท่านั้น ซึ่งบางคนอาจจะลงทุนกับพันธุ์เพียงหลักร้อยบาท แต่อาจจะทำกำไรได้หลายเท่าตัวเลยก็ว่าได้

ค่า Hp ที่เหมาะสมในการเลี้ยงกุ้งแคระ

            อย่างที่เรากล่าวไปในข้างต้นว่าการเลี้ยงกุ้งแคระ การให้ความสำคัญกับค่า Hp ของน้ำนั้น เป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้เป็นเด็ดขาด เนื่องจากการที่น้ำในตู้มีค่า Hp หรือ กรดสูงเกินไปจะทำให้อัตราการฟักไข่ของกุ้งลดลง หรืออาจจะส่งผลให้กุ้งของเราตายได้ โดยค่า Hp ที่เหมาะสมสำหรับการเลี้ยงกุ้งควรจะอยู่ที่ราว ๆ 6.2 – 7.3 แต่หาสูงเกิน 7.5 การใช้ดินสำหรับเลี้ยงกุ้งเข้ามาเป็นตัวช่วยในการลดกรด นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีเป็นอย่างยิ่ง

สนับสนุนโดย https://slot-allbet.com/ แหล่งรวม http://pg slot หรือ พีจีสล็อต ***ใส่ลิงค์ https://slot-allbet.com/pg-slot-or-pg-slot/

Categories
Uncategorized

เฟอเรท เจ้าอ้วนขนปุย มาพร้อมความซนเป็นพิเศษ

เฟอเรท

เฟอเรท สัตว์เลี้ยงเอ็กโซติกสุดน่ารัก ที่เริ่มได้รับความนิยมสูงเป็นอย่างมาdในเมืองไทย เพราะนอกจากรูปร่างน่าตาที่สุดแสนหน้ารักของน้อง นิสัยขี้เล่นสุดซน เหมือนเป็นเด็กตลอดเวลาของก็ทำให้เจ้าของหลาย ๆ คนใจชื้นได้เสมอ

เฟอเรท

เฟอเรท สัตว์เลี้ยงตัวน้อย ที่สุดของนักสำรวจ แถมติดเจ้าของเป็นพิเศษ

            เฟอเรท นับว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่หลาย ๆ คนสนใจอยากเลี้ยงเป็นอย่างมาก แต่ก่อนที่จะไปหาซื้อน้องมาเลี้ยงวันนี้เราจพาทุกคนไปทำความรู้จักกับทั้งนิสัย และวิธีการเลี้ยงน้องเสียก่อน ก่อนที่จะตกเป็นทาศรักของน้องจนหมดใจ

ลักษณะนิสัย

            ต้องขอบอกว่าเฟอเรท นิสัย น่ารัก ฉลาด ร่าเริง ขี้เล่น ซุกซน และที่สำคัญยังเป็นนักสำรวจที่ดี ดังนั้นหากใครที่อยากเลี้ยงน้องควรมีเวลาให้กับน้องอย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมงเพื่อพาน้องออกไปเล่นในสวน หรือสนามหญ้าในทุก ๆ วัน

            นอกจากนี้สำหรับการดูแล และการเลี้ยงเฟอเรท หรือ เฟร์ริต จะไม่เหมือนน้องหมาหรือน้องแมว เนื่องจากผู้เลี้ยงจำเป็นต้องดูแลสัตว์ชนิดนี้เป็นพิเศษ เพราะนอกจากจำเป็นต้องพาน้องออกไปสำรวจโลกภายนอกในทุก ๆ วันแล้ว ในเรื่องอื่นก็ต้องดูแลเป็นพิเศษไม่แพ้กัน และสำหรับใครที่สงสัยว่าเฟอเรท เหม็นไหม วันนี้เรามีคำตอบให้

วิธีดูแล

  • เล็บของน้องจะยาวไวเป็นอย่างมาก ดังนั้นต้องตัดเล็บประมาณสัปดาห์ละครั้ง
  • เฟอเรทเป็นสัตว์ที่มีกลิ่นตัวแรง แต่ไม่ควรอาบน้ำให้น้องบ่อเกินไป เพราะยิ่งอาจกลิ่นของน้องก็จะแรงขึ้น โดยแนะนำให้อาบเดือนละครั้ง
  • อย่าทำให้น้องตกใจ เพราะเมื่อไรที่เฟอเรทตกใจน้องจะปล่อยกลิ่นออกมา
  • ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อเฟอเรทโดยเฉพาะเพื่อสุขภาพที่ดีของน้อง
  • เฟอเรทป่วย เสียชีวิตจากโรคต่าง ๆ รวมไปถึงสามารถแพร่เชื้อให้คนได้ ดังนั้นการพาน้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ รวมไปถึงฉีดวัคซีนป้องกันโรค และไวรัสต่าง ๆ จึงสำคัญกับน้องมาก

ซื้อเฟอเรทที่ไหนดี และค่าตัวน้องแพงหรือไม่?

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากได้เฟอเรท มาเลี้ยงที่บ้านแต่ยังไม่ทราบว่าจะซื้อน้องจากที่ไหนดี หรือ ราคาของน้องแต่ละตัวอยู่ที่ประมาณเท่าไร วันนี้เราได้หาข้อมูลเหล่านั้นมาให้กับทุกคนแล้ว โดยเฟอเรท ราคาไทย จะอยู่ที่ประมาณ 4,500 – 10,000 บาท ซึ่งเฟอเรท ราคา ราคานำเข้าก็อยู่ในเกณฑ์เดียวกันนี้

3 ฟาร์มเฟอเรทแนะนำ

เฟอเรท
  • Indy Exotic

ฟาร์มเฟอเรทในจังหวัดเชียงใหม่ ที่ทางฟาร์มจะเปิดจองน้องเป็นรอบ ๆ ซึ่งเฟอเรทจากฟาร์มมีหลายสีให้เลือก ที่สำคัญน่ารักทุกตัว

เฟอเรท
  • Ferret Story

ฟาร์มเฟอเรทที่ทั้ง เพาะพันธุ์เฟอเรท จำหน่ายอาหารbarf และอุปกรณ์สำหรับการเลี้ยงเฟอเรทแบบครบวงจร ซึ่งเฟอเรทจากทางฟาร์มแต่ละตัวจะมีการระบุข้อมูลรวมไปถึงราคาอย่างครบถ้วน ดังนั้นสนใจน้อง ๆ ตัวไหนก็สามารถสั่งจองได้เลย

เฟอเรท
  • Alpaca Hill

อัลปาก้า ฮีล นอกจากจะเป็นสวนสัตว์ และฟาร์มที่เปิดให้ทุกคนสามารถเข้าไปเที่ยวได้แล้ว ยังมีการเพาะพันธุ์ และจำหน่ายสัตว์หลาย ๆ ชนิด รวมไปถึงเฟอเรท ซึ่งใครที่อยากได้ก็ลองติดต่อสอบถามไปยังทางช่องทางต่าง ๆ ของฟาร์มได้เลย

บทสรุป

สำหรับใครที่เป็นมือใหม่ในการเลี้ยงเฟอเรท และไม่สามารถหาซื้ออาหารของน้องได้เราแนะให้เป็นเนื้อไก่ หรืออาหารลูกแมวคุณภาพสูงกับน้องจะดีกว่า และไม่แนะนำให้ให้อาหารน้องหมากับน้อง เพราะจะทำให้น้องสามารถเป็นมะเร็งได้ในภายหลังนั่นเอง

https://sites.google.com/site/fexreth/fex-reth/khxmul-phun-than

Categories
แมว

แมวศุภลักษณ์ แมวไทยโบราณ ที่เราควรอนุรักษ์

แมวศุภลักษณ์

แมวศุภลักษณ์ คือแมวไทยโบราณอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่เราเชื่อว่า บางคนแทบจะไม่รู้จัก หรือไม่เคยได้ยินชื่อแมวสายพันธุ์นี้มาก่อน เนื่องจากหลายปีก่อนหน้านี้แมวสายพันธุ์นี้แมวไทยโบราณชนิดนี้อยู่ในขั้นเรียกว่าวิกฤตเลยก็ว่าได้ จนกระทั่งเมื่อราว ๆ เกือบ 10 ปีที่แล้ว คุณปรีชา วัฒนา เจ้าของบ้านแมวไทยบางรัก ผู้เพาะเลี้ยงแมวไทยและส่งเสริมการอนุรักษ์แมวไทยพันธุ์แท้ มีความพยายามที่จะขึ้นทะเบียนแมวสายพันธุ์นี้ กับ CFA 1 ใน 9 องค์กรแมวโลก ที่มีข้อกำหนดว่า ต้องมีแมวสายพันธุ์ที่ต้องการขึ้นทะเบียนจะต้องมีการสืบสายตระกูล  5 รุ่นขึ้นไป และต้องมีจำนวนมากกว่า 200 ตัว และในปัจจุบันความพยายามดังกล่าวก็กำลังจะสำเร็จ

แมวศุภลักษณ์

แมวศุภลักษณ์ แมวที่มีสีเฉพาะตัว ที่สำคัญยังเป็นหนึ่งในแมวที่ปรากฏชื่อในตำราแมวไทย

แมวศุภลักษณ์เป็นหนึ่งในแมวไทยโบราณ ที่ปรากฏในสมุดข่อย ที่มีการบันทึกขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา และว่ากันว่าแมวสายพันธุ์นี้เป็นแมวที่มีค่าดั่งทอง ดังนั้นจะมีเพียงกลุ่มคนชั้นสูงเท่านั้นที่จะสามารถเลี้ยงได้ และที่สำคัญคือนิยมเลี้ยงในวัง

ลักษณะแมวศุภลักษณ์

แมวศุภลักษณ์กับ เบอร์มีส จะมีลักษณะที่ใกล้เคียงกันเป็นอย่างยิ่ง แต่สำหรับแมวศุภลักษณ์ ลักษณะ โดดเด่นคือจะมีสีทองแดงทั้งตัว ไม่มีแต้มเหมือนแมวเบอร์มีส เนื่องจากแมวเบอร์มันจะมีแต้มคล้ายกับแมววิเชียรมาศ และจะมีตาเป็นสีเทาอมฟ้า นอกจากนี้ศุภลักษณ์จะมีรูปร่างขนาดกลาง นัยย์ตามีสีเหลืองอำพัน เท้าแมวจะมีสีน้ำตาลอมส้ม

ลักษณะนิสัยแมวศุภลักษณ์

สำหรับแมวศุภลักษณ์ นิสัย จะค่อนข้างเป็นแมวที่มีความร่าเริง กระตือรือร้น เป็นนักผจญภัย ช่างสังเกต และฉลาด ดังนั้นสำหรับใครที่อยากเลี้ยงแมวสายพันธุ์นี้อาจจะต้องเตรียมพื้นที่ให้น้องในการผจญภัยของเขาพอสมควร

แมวศุภลักษณ์

สาเหตุที่แมวศุภลักษณ์แท้มีจำนวนน้อย และหายาก

แมวศุภลักษณ์นับว่าเป็นแมวที่มีจำนวนน้อยมาก เมื่อเทียบกับจำนวนแมวไทยและแมวไทยโบราณสายพันธุ์อื่น ๆ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้แมวสายพันธุ์มีจำนวนที่น้อยมาก ๆ นั้นคือ แมวศุภลักษณ์พันธุ์แท้นั้นจะเมื่อคลอดออกมาจะต้องเป็นสีทองแดงทั้งคอก และที่พบส่วนใหญ่มักจะเป็นแมวจร ไม่ทราบข้อมูลพ่อแม่พันธุ์ และที่สำคัญคือยังไม่ได้มีการขึ้นทะเบียน และในปัจจุบันราคาอยู่ที่ประมาณหลักหมื่นบาท ซึ่งเราเชื่อว่าหากแมวชนิดนี้สามารถขึ้นทะเบียนสำเร็จแมวศุภลักษณ์แท้ ราคา อาจจะสูงถึงหลักแสนบาทอย่างแน่นอน นอกจากนี้แมวศุภลักษณ์ แมวมงคล ที่เชื่อกันว่าเป็นแมวที่เสริมบารมีให้กับผู้เลี้ยง อีกทั้งยังมีชื่อที่เป็นมงคล ดังนั้นแมวชนิดนี้จึงได้รับความนิยมในการเลี้ยงสูงในอดีต

บทสรุป

สำหรับแมวศุภลักษณ์ นับว่าเป็นแมวที่หลายคนมักจะสับสนกับแมวสายพันธุ์เบอร์มีส เนื่องจากลักษณะของแมวทั้ง 2 สายพันธุ์มีความใกล้เคียงกันเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะของแมวศุภลักษณ์ที่เรานำมาฝากในวันนี้เป็นวิธีในการสังเกตลักษณะของแมวสายพันธุ์นี้ง่าย ๆ เพื่อให้ทุกคนสามารถนำไปใช้สังเกตหากต้องการซื้อแมวสายพันธุ์นี้มาเลี้ยง

Categories
แมว

ลักษณะแมวนำโชค แมวดีมีสง่า เสริมมงคลให้กับผู้เลี้ยง

ลักษณะแมวนำโชค

ลักษณะแมวนำโชค หรือ ลักษณะของแมวมงคลนั้น มีหลายลักษณะนะด้วยกัน ซึ่งนอกจากไทยเราจะมีแมวโบราณที่เป็นแมวมงคลอยู่หลากสายพันธุ์แล้ว ยังมีแมวที่เป็นมงคล และนำโชคจากลักษณะของน้อง ๆ อีกด้วย ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น วันนี้เว็บไซต์ของเราได้รวบรวมมาให้แล้ว

ลักษณะแมวนำโชค 3 จุด ที่มีแล้วดี แถมผู้เลี้ยงยังมีชัยไปกว่าครึ่ง

ลักษณะแมวนำโชค ที่มีการบันทึกไว้ หรือมีการบอกต่อกันมานั้นมีหลายลักษณะด้วยกัน แต่สำหรับตำราแมวโบราณ จะมีการบันทึกไว้นั้นจะมีทั้งหมด 23 ชนิด โดยแบ่งเป็น แมวมงคล 17 ชนิด และ แมวอัปมงคล 6 ชนิด ซึ่งในปัจจุบันเหลือแมวไทยโบราณมงคลอยู่เพียง 5 สายพันธุ์ ได้แก่ ศุภลักษณ์, วิเชียรมาศ, สีสวาด, ขาวมณี และ โกนจา อีกทั้งกลุ่มแมวอัปมงคลยังไม่มีเหลือแล้วในปัจจุบัน แต่สำหรับลักษณะของแมวนำโชค หรือแมวมงคล (ส่วนของกายภาพ) มีดังต่อไปนี้

ลักษณะแมวดี / แมวนำโชค

ลักษณะแมวนำโชค
  • แมวดำมีถุงเท้า

หากเป็นแมวไทยโบราณ แมวที่มีสีดำทั้งตัว แต่มีเท้าทั้ง 4 เป็นสีขาวคล้ายถุงเท้า จะเรียกแมวชนิดนี้ว่า “แมวจตุบท”ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในแมวมงคล และทำให้คนไทยในปัจจุบันมีความเชื่อว่าแมวที่มีถุงเท้าเป็นแมวที่นำโชคมาให้กับผู้เลี้ยง

ลักษณะแมวนำโชค
  • ลักษณะหางแมว

ลักษณะหางแมวมงคล แมวนำโชค และให้คุณกับผู้เลี้ยงนั้น จะต้องเป็นแมวที่มีหางตรง เรียวยาว หรือเป็นแมวที่ไม่หางขอดและสั้น เพราะถือว่าแมวที่มีหางลักษณะนี้จะไม่ค้ำ-คูนกับเจ้าของ หรือไม่นำความเป็นมงคล หรือโชคลาภมาให้กับผู้เลี้ยง และจะทำให้เจ้าของอาภัพทรัพย์สินและเสียลาภผลนั่นเอง

ลักษณะแมวนำโชค
  • สีของแมวนำโชค

สำหรับแมวมงคลของไทยทั้ง 5 ชนิดที่ปรากฏในปัจจุบันนั้น ส่วนใหญ่นอกจะมีลักษณะที่ดีแล้ว สีของน้องก็นับว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกคือความเป็นมงคล และการนำโชคมาให้กับผู้เลี้ยง โดยสีแนวนำโชคได้แก่ สีดำ, สีขาว, สีเทา (สีสวาด), สีทองแดง และสีทอง เป็นต้น

ลักษณะแมวนำโชค

เลี้ยงแมวลายสลิด ลายเสือดี หรือให้โชคหรือไม่?

นอกจากลักษณะของรูปร่าง สี และแต้มของแมว ที่นับว่าเป็นลักษณะแมวนำโชค แล้ว สิ่งหนึ่งที่สามารถบ่งบอกถึงความเป็นมงคลคือ ลวดลายของน้องแมว โดยลวดลายของแมวมงคลที่เราน่าจะพบเห็นกันได้ค่อนข้างบ่อยคือ คือลายสลิด และลายเสือ โดย แมวลายเสือ และ แมวลายสลิด นําโชค ในเรื่องของความอยู่เย็นเป็นสุข และ ช่วยป้องกันภัยอันตรายให้กับบ้านและคนในบ้าน เนื่องจากแมวชนิดนี้จะมีสัญชาตญาณของความเป็นนักล่าที่สูง จึงถูกส่งต่อมาเป็นความเชื่อในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมี แมวขาวดํา มงคล อีกหลากหลายชนิด หลายลักษณะ ที่นอกจากจะมีความสวยเป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังนำโชคมาให้กับผู้เลี้ยงอีกแล้ว

(บทสรุป)

สำหรับลักษณะแมวนำโชค ยังมีลักษณะอื่น ๆ อีกมากมายที่ถือว่าเป็นแมวมงคล แมวนำโชคมาให้ผู้เลี้ยงแล้ว ยังมีแมวอีกหลายลักษณะที่ไม่ควรเลี้ยงเพราะเชื่อกันว่าเป็นแมวอัปมงคล แต่เชื่อเถอะค่ะว่า ใครที่ได้ตกเป็นทาสแมวความจนจะมาเยือนแน่นอน เพราะคุณจะทุ่มเงินทั้งหมดเปย์น้องแต่เพียงผู้เดียว ให้สมกับความเป็นทาสแมวอย่างเต็มรูปแบบ